5 เคล็ดลับเก็บเงินทุนการศึกษาลูกแบบไม่ต้องพึ่งเงินกู้ | Refinn

สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่หมีเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่นะครับว่า ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการศึกษา เพราะว่าการได้รับการศึกษาที่ดีจะเป็นประตูเบิกทางไปสู่โอกาสต่างๆ แก่ชีวิตของลูกเราในอนาคต พ่อแม่หลายคนก็พยายามจะผลักดันให้ลูกได้เรียนสูงที่สุด ตามกำลังความสามารถเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะต้องจ่ายค่าเล่าเรียนแพงเท่าไหน พ่อแม่ก็จะพยายามขวนขวายและเก็บเงินเพื่อให้มีทุนการศึกษาสำหรับลูกเพียงพอ

ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า ค่าใช้จ่ายในการศึกษานั้นมีมูลค่าสูง ตั้งแต่เราเริ่มเรียนอนุบาลไปยันจบปริญญาตรีเลยครับ ยิ่งถ้าหากนำลูกๆ เข้าโรงเรียนเอกชนเพื่อหวังจะได้คุณภาพการศึกษาและสภาพแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น ก็ยิ่งต้องจ่ายแพงเข้าไปใหญ่ หรือใครส่งลูกเรียนนอกนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ เสียเงินอีกหลายล้าน บางคนถึงขั้นต้องไปกู้เงินเพื่อนำมาจ่ายเป็นทุนการศึกษาให้ลูก ซึ่งแน่นอนว่าก็มีดอกเบี้ยสูงมากๆ ซึ่งหนี้ตรงนี้ เมื่อลูกเรียนจบก็ต้องหาทางใช้หนี้ต่อจากพ่อแม่ แทนที่จะมีอนาคตที่สดใสแบบหายห่วง ยิ่งทำให้ชีวิตเครียดเข้าไปกันใหญ่ การศึกษาของลูกเป็นเรื่องสำคัญ แต่จะทำยังไงเราถึงจะเก็บเงินเพื่อให้ลูกมีทุนเรียนได้เพียงพอโดยไม่ต้องกู้เงินได้นั้น วันนี้พี่หมีมีวิธีมาบอกกันครับ

1) วางแผนแต่เนิ่นๆ

ถ้าหากเพื่อนๆวางแผนจะส่งลูกเรียนต่างประเทศหรือเข้าเรียนโรงเรียนเอกชน ก็ต้องวางแผนเก็บเงินแต่เนิ่นๆ เช่นเดียวกันกับเวลาเพื่อนๆ วางแผนเก็บเงินซื้อบ้านหรือวางแผนเป้าหมายทางการเงินใหญ่ๆ อื่นๆ นั่นเองครับ โดยเพื่อนๆ สามารถเริ่มวางแผนได้ตั้งแต่ลูกยังอยู่ชั้นประถม ยิ่งวางแผนเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถเก็บเงินได้ง่ายขึ้นเท่านั้นครับ

2) เก็บเงินตั้งแต่ตอนนี้

แม้ว่าหนทางไปสู่ความสำเร็จทางการศึกษาของลูกจะยังอีกยาวไกล แต่ถ้าเพื่อนๆเริ่มเก็บเงินตอนนี้ ก็จะทำให้เราเตรียมพร้อมได้มากกว่า ยิ่งเก็บเล็กผสมน้อยแต่เก็บนานๆ ก็จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการ แถมยังไม่เครียดมากอีกด้วยครับ โดยให้ประหยัดในค่าใช้จ่ายต่างๆที่ไม่จำเป็น เช่นการซื้อโทรศัพท์มือถือแพงๆ ให้ลูก หรือการไปเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัวบ่อยๆ ซึ่งการประหยัดในตอนนี้จะส่งผลดีในการออมเงินสำหรับลูกเราในภายภาคหน้าครับ

3) จ่ายหนี้ดอกเบี้ยสูงให้หมดไปให้เร็วที่สุด

ถ้าเพื่อนๆ และครอบครัวรู้ตัวว่ามีหนี้ดอกเบี้ยสูงอยู่กับตัว เช่นหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล ก็ต้องรีบหาทางจัดการและจ่ายหนี้ออกไปให้เร็วที่สุดครับ เพราะว่าเพื่อนๆ จะต้องพุ่งความสนใจไปที่การเก็บเงินเพื่อทุนการศึกษาของลูกในระยะยาว ซึ่งถ้าหากยังมีหนี้เหล่านี้ ก็จะเป็นอุปสรรคต่อการออมเงินอย่างมาก เพราะเพื่อนๆ ต้องเสียเงินโดยใช่เหตุไปกับการจ่ายดอกเบี้ยจำนวนมากแทนที่จะเอามาเป็นเงินเก็บให้ลูกครับ

4) แต่เงินกู้บ้าน เก็บไว้จ่ายทีหลังก็ได้

นั่นเป็นเพราะว่า เงินกู้บ้านนั้นดอกเบี้ยไม่ได้สูงมากนัก จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้หนี้ให้หมดในตอนนี้ เพราะถ้าหากเพื่อนๆต้องใช้หนี้บ้านให้หมด ณ ตอนนี้ เงินเก็บก็จะไม่มี แล้วก็ต้องไปกู้เงินมาเป็นทุนการศึกษาให้ลูกแทน ซึ่งเงินกู้สำหรับทุนการศึกษานั้น ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินกู้บ้านครับ ทางที่ดี พยายามอย่ากู้เงินมาเป็นทุนการศึกษาให้ลูกจะดีกว่าครับ ให้หาทางเก็บเงินไปเรื่อยๆจะดีกว่า นอกจากนี้ หากคุณรู้สึกว่า ดอกเบี้ยบ้านที่ผ่อนอยู่สูงเกินไป ลองหาทางรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านดูสิครับ อาจจะทำให้ประหยัดดอกเบี้ยบ้านต่อปีลงได้มากโขเลยนะครับ ถ้าอยากเปรียบเทียบสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ลองเข้าไปดูได้ที่เว็บ www.refinn.com ได้เลยครับ

5) เอาเงินไปลงทุน

เมื่อเพื่อนๆ เริ่มออมเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาของลูกตั้งแต่ตอนนี้ นั่นก็แปลว่าเพื่อนๆยังมีเวลาอีกเยอะที่จะเอาเงินเหล่านั้นไปลงทุนให้เงินงอกเงยขึ้นมา เพราะฉะนั้น นอกจากการออมเงินอย่างเดียวก็ให้เพื่อนๆ เอาเงินตรงนั้นไปวางแผนลงทุนทางการเงินต่างๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี แล้วคอยติดตามผลการลงทุนเหล่านั้นเป็นประจำ โดยให้หาแหล่งลงทุนความเสี่ยงต่ำเมื่อใกล้จะครบกำหนดนำเงินมาใช้สำหรับการศึกษา ตัวอย่างเช่น ในปีแรกๆที่เริ่มออมเงิน เพื่อนๆ อาจจะนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นบ้าง แต่พอใกล้จะต้องใช้เงินเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนมหาวิทยาลัยของลูก ก็อาจจะย้ายเงินไปลงทุนในกองทุนความเสี่ยงต่ำ หรือนำไปเข้าบัญชีเงินฝากประจำดอกเบี้ยสูงแทนก็ได้ครับ

เพราะฉะนั้นแล้ว การวางแผนเก็บเงินที่ดีก็จะทำให้เพื่อนๆ สามารถพาลูกไปสู่ความสำเร็จทางการศึกษาได้ในที่สุด และระหว่างเก็บเงิน ก็นำเงินเหล่านั้นไปลงทุนเพื่อให้เงินเหล่านั้นงอกเงยขึ้นมาโดยการมีบัญชีเงินฝากประจำก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้เพื่อนๆ ได้ผลตอบแทนความเสี่ยงต่ำที่คุ้มค่า โดยเพื่อนๆ สามารถเข้าไปเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยเงินฝากได้ที่เว็บไซต์โกแบร์เลยนะครับ