มาตรการช่วยลูกหนี้ ช่วยได้จริงไหม ควรเข้าร่วมหรือไม่
ช่วงวิกฤติ โควิด-19 นี้ ผลกระทบที่เห็นชัดที่สุดคือ ภาวะเศรษฐกิจ หลายคนอาจเริ่มโดนตัดเงินเดือนทำให้เริ่มตระหนักว่ารายได้ของตัวเรานั้น เริ่มไม่แน่นอน ในขณะที่รายจ่ายยังคงเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลงทั้งหนี้บัตรเครดิต หนี้บ้าน ยังต้องหาเงินมาจ่ายทุกเดือน
และตอนนี้ คำที่น่าจะฮิตเป็นอันดับต้น ๆ เลยคงหนี้ไม่พ้นคำว่า มาตราการพักชำระหนี้ ที่เป็นนโยบายจากทางภาพรัฐที่ให้ธนาคารต่าง ๆ เข้าช่วยเหลือประชาชน ซึ่งธนาคารต่าง ๆ ก็ออกมาตราการมาช่วยเหลือประชาชนกันอย่างเต็มกำลังแต่ยังมีหลายคนที่ อาจจะยังเข้าใจไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการพักชำระหนี้ครับ วันนี้ผมเลยจะมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ฟังเกี่ยวกับมาตราการพักชำระหนี้ รวมถึงแนวทางอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับเรามากกว่ามาตรกาารพักชำระหนี้ครับ
สิ่งที่ต้องเข้าใจให้ถูกคือ พักชำระหนี้ ≠ หยุดจ่ายเงิน
ก่อนอื่นผมอย่างให้ทุกคนเข้าใจตรงกันก่อนว่ามาตราการ พักชำระหนี้ ที่มีประกาศออกมานั้นเราจะต้องเข้าไปเช็ครายละเอียดก่อนว่าเป็นการพักชำระหนี้แบบไหน เช่น
- พักชำระหนี้ทั้งเงินต้น และดอกเบี้ย
- พักชำระหนี้แค่เงินต้น แต่ดอกเบี้ยยังคงต้องชำระอยู่
- ลดอัตตราดอกเบี้ยลง ทำให้จ่ายต่อเดือนน้อยลงจากดอกเบี้ยที่ลดลง
- ปรับโครงสร้างหนี้ (ปรับให้ระยะผ่อนนานขึ้นเพื่อให้การจ่ายต่อเดือนลดลง)
เราสามารถเช็ครายละเอียดการพักชำระหนี้ของแต่ละธนาคารได้ตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามลิงค์นี้เลยครับ คลิกที่นี่
พักชำระหนี้ดีไหม
แน่นอนว่าด้วยสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ย่อมดีแน่นอนกับคนที่ได้รับผลกระทบ เพราะหลายคนถูกลดชั่วโมงการทำงาน ขายของไม่ได้ ไม่ได้รับคอมมิชชั่น ถูกลดเงินเดือน หรือหนักสุดก็ถูกเลิกจ้าง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการหยุดพักชำระหนี้เลย ลดชำระเงินต้น หรือลดดอกเบี้ย ก็ดีทั้งหมดเลยครับเพราะมันช่วยให้เราเบาขึ้นกับภาระค่าใช้จ่าย เพิ่มสภาพคล่อง และทำให้เรามีระยะเวลาในการตั้งตัวกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นได้ครับ
แต่สิ่งที่เราต้องยอมรับกับการพักชำระหนี้คือ เมื่อเราชำระหนี้น้อยลง หรือเราหยุดพักการชำระหนี้ไปเลย ดอกเบี้ยยังคงวิ่งอยู่นะครับ! ถึงเวลาเมื่อครบกำหนดที่เราต้องกลับมาชำระหนี้เหมือนเดิม ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในช่วงที่เราหยุดพักชำระหนี้ รวมกับเงินต้นคงเหลือ จะทำให้ยอดหนี้เราเพิ่มขึ้นครับ
ดังนั้นการหยุดพักชำระหนี้ จึงเหมาะกับคนที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ สำหรับใครที่ยังไม่ได้รับผลกระทบในตอนนี้ หรือคาดว่าอาจจะได้รับผมกระทบในเร็ว ๆ นี้แต่ตอนนี้ยังคงเป็นปกติอยู่ ผมไม่แนะนำให้มาทำเรื่องขอพักชำระหนี้ครับ แต่อยากแนะนำเป็นวิธีอื่นแทน
ทำอย่างไรถ้าไม่เลือกพักชำระหนี้
สำหรับคนที่ยังไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องของหน้าที่การงานนั้นหมายถึงคุณมีทางเลือกมากกว่าคนอื่นนะครับเพราะคุณยังมีสลิปเงินเดือนที่เป็นหลักประกัน ยังมีสถานะทางการเงินที่ดีอยู่ทำให้คุณสามารถหาวิธีอื่นได้ในตอนนี้ผมจะขอโฟกัสไปที่เรื่องค่าใช้จ่ายก่อนใหญ่อย่างภาระการผ่อนบ้าน ซึ่งเป็นหนี้ก้อนโตที่ค่าผ่อนต่อเดือนค่อนข้างเยอะและเป็นหนี้ที่หลายคนกังวลเนื่องจากบ้านหรือคอนโดเป็นที่อยู่อาศัยหากเกิดปัญหาไม่สามารถผ่อนได้ก็จะทำให้กระทบในอีกหลาย ๆ เรื่องครับ
ดังนั้น ใครที่มีการกู้ซื้อบ้าน และผ่อนมาครบ 3 ปีหรือมากกว่าแล้ว และยังไม่เคยทำการรีไฟแนนซ์บ้าน หรือทำครบ 3 ปีแล้ว ผมอยากจะแนะทำให้คุณทำการรีไฟแนนซ์บ้านครับ หรือพูดให้เข้าใจง่าย ก็คือ การที่เราทำสัญญากู้ใหม่ กับธนาคารใหม่ หรือกับธนาคารเดิม เพื่อทำให้ได้ดอกเบี้ยถูกลง และช่วยให้ค่างวดในแต่ละเดือนถูกลงด้วยครับ
รีไฟแนนซ์บ้านช่วยเราอย่างไร ในสถานการณ์แบบนี้
ผมขอแบ่งออกเป็น 2 ระยะนะครับ
ในระยะสั้น ค่าผ่อนต่อเดือนลดลง ตัวอย่างถ้ายอดสินเชื่อบ้าน 3 ล้านบาท หากทำการรีไฟแนนซ์อาจลดค่าผ่อนลงเดือนละ 7,000 บาทเลยครับ ซึ่งมันมาจากการที่ปกติเวลาเราทำการกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เราจะได้ทำสัญญาดอกเบี้ยอัตราพิเศษ 3 ปี (ซึ่งเราจะห้ามทำการรีไฟแนนซ์ในช่วงนี้) และเมื่อเข้าปีที่ 4 ดอกเบี้ยจะถูกปรับเพิ่มสูงขึ้น จาก 2-3% ต่อปี เป็น 5-7% ต่อปี แล้วแต่ธนาคาร ส่งผลให้ยอดผ่อนต่องวดเพิ่มขึ้นครับ ดังนั้น การที่เรารีไฟแนนซ์ให้ดอกเบี้ยเรากลับมาเหลือ 2-3% ต่อปีก็จะทำให้ดอกเบี้ยน้อยลง และยอดหนี้ที่เราทำสัญญาใหม่ที่ลดลงจากการกู้ซื้อครั้งแรก เมื่อ 2 อย่างนี้มารวมกันก็จะทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลงครับ
ในระยะยาว ทำให้เราประหยัดได้มากขึ้น และอาจทำให้เราผ่อนหนี้หมดได้เร็วขึ้นด้วยครับ อย่างที่บอกไปว่าการรีไฟแนนซ์บ้านจะทำให้อัตราดอกเบี้ยถูกปรับลดลง ถึงแม้ว่าดอกเบี้ยบ้านจะไม่ได้สูงเมื่อเทียบกับสินเชื่อประเภทอื่น ๆ แต่เราต้องไม่ลืมว่ายอดหนี้เราสูงส่วนใหญ่เป็นหลักล้าน และคิดเป็นรายวันครับ สมมุติว่า เรามีเงินยอดคงเหลือ 3 ล้านบาท
ดอกเบี้ยธนาคารเดิมหลังจากครบ 3 ปี ถูกปรับดอกเบี้ยมาเป็น 5% ต่อปี ถ้ายอดหนี้ 3 ล้านบาทเฉพาะดอกเบี้ย ก็ตกวันละ 410 บาทเลยครับ
แต่ถ้าเราเลือกรีไฟแนนซ์ และเลือกธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยลงมาเหลือ 3% ต่อปี ดอกเบี้ยจาก 410 จะเหลือเพียง 247 บาท
ทำให้เราประหยัดได้วันละประมาณ 160 บาทเลยครับ แล้วถ้ามองในระยะยาวนี้ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะช่วยเราจะประหยัดไปได้มาเท่าไร
เป็นอย่างไรบ้างครับ กับวิธีการรีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อลดค่าใช้จ่าย เหมือนการพักชำระหนี้ แต่เราได้รับประโยชน์มากที่สุด แต่ถึงจะดูว่าการรีไฟแนนซ์มันน่าสนใจ แต่การที่เราจะรีไฟแนนซ์ให้ได้ดอกเบี้ยที่ดี ที่เหมาะสมกับเรานั้นอาจไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และเราเองยังต้องเดินไปตามธนาคารต่าง ๆ เพื่อดูโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บ้านเองอีก ซึ่งก็คงไม่เหมาะกับสถานการณ์แบบนี้ใช่ไหมครับ ทั้งยุ่งยาก ทั้งเสี่ยงติดเชื้อด้วย
ผมเลยอยากจะแนะนำให้ลองใช้บริการรีไฟแนนซ์ ผ่านเว็บไซต์อย่าง www.refinn.com เว็บไซต์ที่จะช่วยเลือกโปรโมชั่นที่เหมาะกับคุณที่สุด โดยที่คุณไม่ต้องเดินทางไปธนาคาร และสมารถสมัครรีไฟแนนซ์บ้านผ่านเว็บได้เลย ซึ่งรวมโปรโมชั่นไว้กว่า 15 ธนาคารเลยครับ และมีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 200,000 คน
สำหรับการรีไฟแนนซ์บ้าน เป็นเพียงวิธีการหนึ่งในการช่วยลดค่าใช้จ่ายแบบที่เราได้รับประโยชน์สูงสุดครับ แต่จริง ๆ แล้วยังมีอีกหลายวิธีที่จะช่วยทำให้เราลดค่าใช้จ่ายได้อีก ซึ่งผมจะเอามาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้รู้อีกแน่นอนอย่างไรก็ฝากติดตาม FinFin ด้วยนะครับ
? Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCetOGuADiAitD15s2MBPjeA
? Facebook : https://www.facebook.com/finfinchannel
? Instagram : https://www.instagram.com/finfinchannel
? Twitter : https://twitter.com/finfinchannel