รีบใช้เงินด่วนต้องขอสินเชื่ออะไรดี
เงินด่วน

รีบใช้เงินด่วนต้องสมัครสินเชื่ออะไรดี

การวางแผนและบริหารจัดการเงินเป็นสิ่งที่เราควรทำ แต่เคยกันไหมครับที่พอเริ่มเก็บเงินได้สักหน่อยก็ต้องมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดทำให้ต้องนำเงินที่เก็บนั้นออกมาใช้ ซึ่งบางครั้งก็มากันถี่จนเงินเก็บและเงินเดือนไม่พอที่จะจ่าย แล้วยังต้องการเงินด่วนอีกต่างหาก แล้วแบบนี้เราจะจัดการอย่างไรได้บ้าง ผมขอแบ่งสถานการณ์ที่ต้องใช้เงินด่วนออกเป็น 2 แบบ เพื่อที่ว่าเพื่อน ๆ จะได้จัดการกันได้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ที่ว่า โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น ไปอ่านกันได้เลยครับ

1. รีบใช้เงิน แต่ยังพอรอได้

สถานการณ์แบบนี้ก็จะประมาณว่า เราหมุนเงินไม่ทัน เพราะมีเหตุต้องนำเงินไปใช้กับอย่างอื่นก่อน แต่ก็มีภาระหนี้ที่รอจ่ายอยู่ เช่น ค่างวดรถ ค่าผ่อนบ้าน หรือค่าเทอมลูก ฯลฯ ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าหนี้แต่ละอย่างต้องชำระภายในวันไหน ถ้าเราไม่รีบหาเงินมาจ่ายให้ทันเวลาก็อาจทำให้ประวัติทางการเงินของเราเสีย ต้องโดนกับค่าปรับ ค่าติดตามทวงถามหนี้ หรืออาจจะเกิดปัญหาตามมาได้ ซึ่งสถานการณ์แบบนี้จะเรียกว่าเราต้องรีบใช้เงิน แต่ยังไม่ถึงต้องใช้เงินด่วนในทันที

สินเชื่อส่วนบุคคล

สถานการณ์แบบนี้เรายังพอมีเวลาครับ เราต้องหันมาวางแผนค่าใช้จ่ายของเราว่ามีหนี้เท่าไหร่หรือต้องหาเงินมาเพิ่มอีกเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้หาเงินก้อนมาจัดการกับปัญหาในส่วนนี้ได้ทันเวลา โดยผมจะยกตัวอย่างให้เห็น 2 กรณี ซึ่งจะมีแนวทางในการจัดการที่ต่างกัน

สถานการณ์ที่ 1 - ต้องจ่ายค่าเทอมลูก แต่รถดันมาเสียรถก็ใช้ทำงาน

ผู้ปกครองท่านหนึ่งมีกำหนดต้องจ่ายค่าเทอมให้กับลูกเป็นเงิน 20,000 บาท ตอนปลายเดือนซึ่งก็เตรียมเงินไว้เรียบร้อยแล้ว แต่รถยนต์ที่ใช้ก็เกิดพังขึ้นมาทำให้ต้องทำการซ่อม ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกระทบกับเงินที่ต้องนำไปจ่ายค่าเทอมลูก 

จากเหตุการณ์แบบนี้เราจำเป็นต้องใช้เงินก้อนเพื่อนำมาจ่ายค่าเทอม ทดแทนเงินที่เอาไปซ่อมรถ เราอาจจะเลือกใช้เป็นการขอสินเชื่อส่วนบุคคล เพราะเราสามารถเช็คโปรโมชั่นดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารได้เลยว่าธนาคารไหนที่ไปขอกู้เงินด่วนรับเงินสด แล้วเราได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด ซึ่งใช้ระยะเวลาในการอนุมัติประมาณ 7-14 วันเท่านั้นก็สามารถรับเงินก้อนได้ โดยธนาคารจะทำการโอนเข้าบัญชีที่เราแจ้งไว้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินเลย  

ซึ่งสินเชื่อส่วนบุคคลก็จะให้วงเงินสูงถึง 5 เท่าของรายได้ และไม่ต้องใช้คนหรือสินทรัพย์ในการค้ำประกัน เพราะถ้ารถเสียอยู่ก็ไม่น่าจะเอาไปทำสินเชื่อรถแลกเงินเพื่อนำเงินออกมาใช้ไม่ได้เช่นกัน และจะรอรถซ่อมเสร็จแล้วไปทำการขอสินเชื่อรถก็อาจจะเสี่ยงเกินไปว่าจะทันไหม สินเชื่อส่วนบุคคลจึงอาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด 

หลายคนอาจจะคิดว่าดอกเบี้ยก็สินเชื่อส่วนบุคคลนั้นสูง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเพียงเพดานสูงสุดที่กฏหมายตั้งไว้เพี้ยงเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วธนาคารก็ออกโปรโมชั่นมาแข็งขันกันทำให้ดอกเบี้ยสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 8 - 10 กว่าเปอร์เซ็นต่อปีเท่านั้นครับ

ยกตัวอย่าง เรากู้สินเชื่อส่วนบุคคล 100,000 บาท ดอกเบี้ย 8.8% ต่อเดือน

คำนวนดอกเบี้ย

จากรูปที่เรา กู้เงินมา 100,000 บาท เป็นเป็นระยะเวลา 1 เดือนเราจะจ่ายดอกเบี้ยเพียง 725 บาทเท่านั้นเองครับ ซึ่งเมื่อเทียบกับหากเราต้องกู้สินเชื่อนอกระบบจะต่างกันแบบมหาศาลเลยครับ ลองเข้าไปเช็คโปรโมชั่นสินเชื่อส่วนบุคคลของธนาคารต่าง ๆ ได้ที่นี้เลยครับ www.refinn.com/personalloan

สถานการณ์ที่ 2 - หาเงินมาจ่ายหนี้บัตรเครดิตไม่ทัน แต่ก็ไม่อยากเสียประวัติทางการเงิน

เหตุการณ์ที่ 2 สำหรับใครที่มีบัตรเครดิตอยู่ก็คงจะรู้ว่าต้องจ่ายทุกๆ สิ้นเดือน ซึ่งจำนวนเงินที่ต้องใช้เพื่อชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิตก็ไม่ใช่น้อยๆ เลย ยิ่งใครที่มีบัตรเครดิตหลายๆ ใบด้วยแล้ว ภาระที่ต้องจ่ายต่อเดือนก็คงจะเพิ่มมากขึ้นไปอีก จนอาจจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องสภาพคล่องตามมาได้ ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาที่เราอยากจะแนะนำคือวิธีการรวมหนี้ด้วยการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีหนี้บัตรเครดิต 3 ใบ วงเงินรวมกัน 150,000 บาท แล้วแต่ละเดือนเราก็ต้องแยกจ่ายขั้นต่ำทุกใบที่ 10% ตกใบละ 5,000 บาท เดือนหนึ่งก็จะเป็น 15,000 บาท ยังไม่รวมภาระหนี้อื่นๆ ที่มีอีกนะครับ ทำให้เราขาดสภาพคล่องทางการเงินไปอีกนานกว่าจะหมดภาระหนี้ก้อนนี้

ซึ่งหากเราทำการขอสินเชื่อรวมหนี้รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ มันก็อาจทำให้เราลดยอดผ่อนลงจาก 15,000 ต่อเดือนเหลือ 7,000 บาทต่อเดือน หรืออาจจะต่ำกว่านั้นได้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคารที่เราทำการขอสินเชื่อ  

รวมหนี้

ที่ยอดผ่อนลดลงนั้นมาจากการที่เราทำการรวมหนี้จากบัตรเครดติทุกใบมาไว้ที่ธนาคารใหม่ที่ปล่อยกู้ให้กับเราที่เดียว ซึ่งเขาจะเปลี่ยนวิธีการผ่อนชำระจากการจ่ายขั้นต่ำ 10% มาเป็นการผ่อนชำระแบบมีระยะเวลาแทน เช่น 24 36 หรือ 48 เดือน รวมถึงยังได้ประโยชน์ในเรื่องของการลดดอกเบี้ยด้วย ซึ่งทั้งระยะเวลาการผ่อนที่ถูกยืดให้ และดอกเบี้ยที่ลดลงก็ส่งผลให้ยอดผ่อนต่อเดือนถูกลงครับ และไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นหนี้ยาวนานนะครับ หากเรามีสภาพคล่องมากกว่าเดิมเราสามารถผ่อนเพิ่มขึ้น หรือนำเงินก้อนมาโป๊ะก็ได้ ทำให้เราปลดภาระหนี้ได้ไวขึ้น รวมถึงดอกเบี้ยก็ลดต้นลดดอกด้วยครับ

แน่นอนว่าด้วยภาระที่ลดลงนี้ก็จะทำให้คุณสามารถจัดการกับหนี้ได้ดียิ่งขึ้นและช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับคุณได้อีกด้วย โดยเงินส่วนต่างที่เกิดขึ้น คุณก็สามารถเลือกเอาไปโป๊ะหนี้ที่มีอยู่หรือจะเก็บไว้ใช้เผื่อเหตุฉุกเฉินก็ได้เหมือนกัน ซึ่งก็มีสินเชื่อหลายตัวเลยครับที่จะตอบโจทย์นี้ โดยพื่อนๆ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.refinn.com/รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต 

2. ต้องใช้เงินด่วน ต้องใช้เงินทันทีรอไม่ได้

กรณีนี้อาจจะเป็นลักษณะเหตุการณ์ที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดแล้วทำให้เราต้องใช้เงินด่วน เช่น ประสบอุบัติเหตุ เข้าโรงพยาบาล มีเหตุทำให้ต้องใช้เงินทันที ต้องนำเงินไปจ่ายชดใช้ ค่าเสียหาย ซึ่งไม่สามารถรอนานได้ หรือรอไม่ได้เลย จากที่ดูมาก็จะมีอยู่ 2 แนวทางที่น่าจะพอจัดการได้ คือ

สถานการณ์ที่ 1 - การใช้สินเชื่อบัตรกดเงินสดจัดการปัญหาเงินด่วน

สถานการณ์แบบนี้ถ้าเรามีการเตรียมตัวมาก่อนก็จะง่ายขึ้น เพราะมันจะมีสินเชื่อประเภทบัตรกดเงินสด ซึ่งจะเป็นสินเชื่ออนุมัติล่วงหน้า หมายความว่าพอเราทำเรื่องสมัครบัตรกดเงินสดไปเขาจะส่งบัตรมาให้เราโดยในบัตรจะมีวงเงินที่สามารถกดเงินออกมาใช้ได้จากตู้กด ATM ทั่วไปเลย

ซึ่งถ้ามีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นมาและจำเป็นต้องใช้ก็กดเงินมาใช้ได้ทันที ซึ่งจะต่างจากสินเชื่อส่วนบุคคลที่พอสินเชื่ออนุมัติเขาจะโอนเงินเข้าบัญชีเราเลยทำให้เราเสียดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่เงินเข้ามาครับ ดังนั้นการที่เราสมัครบัตรกดเงินสดแล้วมีติดตัวไว้ล่วงหน้า มันก็จะเหมือนเรามีวงเงินสำรองไว้ที่เราสามารถกดออกมาใช้ได้ทันทีนั่นเอง

บัตรกดเงินสด

จุดที่น่าสนใจคือ ดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดนั้นจะคิดจากเงินที่เรากดออกมาใช้ครับ หากเราไม่ได้กดเงินออกมาใช้เราก็จะไม่เสียดอกเบี้ย และธนาคารส่วนใหญ่ยังไม่มีเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอื่นๆ เพิ่มเติมเหมือนแต่ก่อนแล้วด้วยครับ

อีกรูปแบบหนึ่งที่เราจะเห็นมีการนำใช้บัตรกดเงินสดกันบ่อยก็จะเป็นการหมดเงินในระยะสั้น เช่น อีก 5 วันจะสิ้นเดือน แล้วพอดีเดือนนี้เงินหมดไม่พอสินเดือน และก็แค่อีก 5 วันเท่านั้นหากเรากดเงินออกมาใช้ แล้วพอเงินเดือนออกก็รีบจ่ายคืนเราก็จะเสียดอกเบี้ยแค่ 5 วันเท่านั้นครับ

หากใครที่ยังไม่มีบัตรกดเงินสดติดตัวไว้ การสมัครบัตรกดเงินสดไว้ใช้ในยามต้องใช้เงินด่วนจึงเป็นสิ่งที่ผมแนะนำครับ เพราะอย่างน้อยมีไว้แต่ไม่ได้ใช้ก็ไม่ได้เสียอะไร ดีกว่าจะใช้แล้วดันไม่มี ซึ่งเพื่อนๆ ที่สนใจก็สามารถเข้ามาดูรายละเอียดได้ที่ www.refinn.com/บัตรกดเงินสด

สถานการณ์ที่ 2 - ไม่มีบัตรกดเงินสด แต่สินเชื่อรถแลกเงินก็พอจะช่วยได้

บางครั้งเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา เราก็จะเพิ่งมารู้ตัวว่าไม่ได้ทำบัตรกดเงินสดไว้เลย จะทำตอนนี้ก็อาจจะไม่ทันการเพราะระยะเวลาที่ใช้ในการรออนุมัติบัตรกดเงินสดก็นานถึง 7-14 วันเลย ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้ มันก็ยังพอมีทางออกอยู่ที่แม้จะไม่ได้เงินด่วนในทันที แต่ก็ใช้เวลาในการอนุมัติไม่นานอย่าง ‘สินเชื่อรถแลกเงิน’ อยู่ครับ

รถแลกเงิน

สินเชื่อรถแลกเป็นหนึ่งในสินเชื่อเงินก้อนที่ใช้เวลาในการอนุมัติรวดเร็วครับ เพราะหากเพื่อนๆ เตรียมเอกสารไว้ครบถ้วนก็จะใช้เวลาแค่ประมาณ 1-3 วันเท่านั้น (ขอสินเชื่อรถแลกเงินต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง)

นอกจากนี้อีกหนึ่งความน่าสนใจของสินเชื่อรถแลกเงินก็คือเรื่องของดอกเบี้ยและความง่ายในการอนุมัติ เนื่องจากเรามีการใช้รถของเราเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน มันก็จะทำให้เรามีโอกาสในการผ่านอนุมัติได้ง่ายกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลนั่นเอง

นี่ก็เป็น 2 สถานการณ์ กับ 4 เคสที่ผมได้ยกมาเป็นตัวอย่างที่มีความต้องใช้เงินด่วนๆ เหมือนกันแต่มีรายละเอียดเล็กน้อยที่ต่างกัน ถ้าได้อ่านจะเห็นเลยว่ามันมีสินเชื่อที่หลากหลายในการตอบโจทย์ความต้องการที่ต่างกัน แต่นี้เป็นเพียงการแนะนำเบื้องต้นนะครับ ทั้งนี้เราควรประเมินในด้านอื่นๆ ด้วย เช่น เรื่องของดอกเบี้ย ยอดที่ต้องชำระคืนต่อเดือน ความยากง่ายในการขอสินเชื่อ จะได้ทำให้เราไม่พลาดในการขอสินเชื่อที่เหมาะกับสถานการณ์นั้นๆ และเหมาะกับเราครับส่วนใครที่ต้องสมัครบัตรกดเงินสด หรือขอสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตก็สามารถสมัครผ่าน Refinn ได้นะครับ เรามีบริการในการเปรียบเทียบโปรโมชั่น ช่วยติดตามผล และให้คำแนะนำฟรีเลยครับ

เผยแพร่เมื่อวันที่ 01 พ.ค. 2564
Refinn Writer
ช่วยเปรียบเทียบโปรโมชั่นที่ประหยัดดอกเบี้ยที่สุด ฟรี ไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม