3 พฤติกรรมที่ต้องระวัง ก่อนขอสินเชื่อบ้าน | Refinn
ขอสินเชื่อบ้านไม่ผ่าน

3 พฤติกรรมที่ต้องระวัง ก่อนกู้ซื้อบ้านใหม่ หรือกู้ซื้อบ้านมือสอง | Refinn

การซื้อบ้าน ต่อให้เป็นบ้านมือสอง หรือคอนโดมือสองเอง ส่วนมากแล้วเราก็จะต้องขอสินเชื่อจากธนาคารอยู่ดี เพราะอสังหาริมทรัพย์เป็นของที่มีราคาแพง จะจ่ายเงินสดคงลำบาก แต่หลายๆ คนเองก็ติดปัญหาใหญ่ตรงที่ขอสินเชื่อเท่าไหร่ ธนาคารก็ไม่อนุมัติสักที ซึ่งทำให้รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยากที่สุดในการซื้อบ้าน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วธนาคารเค้าก็มีเกณฑ์การให้กู้สินเชื่ออยู่ในใจ ขอแค่เราระวัง 3 ข้อระวังเหล่านี้ การขอสินเชื่อก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ

ย้ายงานใหม่

1. ย้ายงานบ่อย พึ่งเพิ่งย้ายงานใหม่

อย่าเพิ่งสงสัยนะครับว่าทำไมแค่ย้ายงานมาใหม่ ธนาคารถึงกับไม่ให้กู้ ต้องขออธิบายว่า การที่เราไปกู้ซื้อบ้านถือว่าเป็นวงเงินที่สูง แล้วเราก็ใช้ความน่าเชื่อถือของเราในการขอวงเงินกู้ถูกไหมครับ

ทีนี้ ทุกครั้งที่เรามีการย้ายงานไปทำงานที่ใหม่ บริษัทก็จะมี Probation period หรือระยะเวลาการทดลองงาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะอยู่ประมาณ 90 - 120 วัน แล้วแต่บริษัท ในช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นช่วงที่ทั้งบริษัทเอง หรือตัวเราที่เป็นพนักงานได้มาทดลองกันดูว่าทำงานกันได้ไหม เข้ากันได้หรือเปล่า หากใครผ่านช่วงการทดลองงานไปแล้วก็ดูมีความเป็นไปได้ที่จะได้ร่วมงานกันบริษัทในระยะยาว

หากบริษัทเข้ากับคุณไม่ได้ หรือคุณเข้ากับบริษัทไม่ได้ก็คงต้องแยกย้ายกันไป หรืออาจมีการขยายระยะเวลาการทดลองงาน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อขยายไปแล้วก็ไม่ชัวว่าคุณกับบริษัทจะไปกันต่อได้ แต่ถ้าคุณซื้อบ้าน ภาระหนี้จะยังคงอยู่ นี้เลยอาจจะกลายเป็นปัญหาตามมา เพราะหนี้บ้าน คอนโด ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงต่อเดือนครับ เช่น การผ่อนต่อไม่ไหว เกิดยอดค้างชำระ หรืออาจจะไปถึงขั้นต้องนำบ้านไปขยายทอดตลอดต่อ เพราะหนี้บ้าน คอนโด ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงต่อเดือนครับ

ในกรณีเช่นนี้ธนาคารจึงเลือกที่จะให้กู้กับผู้ที่มีอายุการทำงานกับบริษัทปัจจุบันที่เราทำงานอยู่อย่างน้อย 6 เดือน - 1 ปี หรือบ้างธนาคารก็ก็จะมีการให้ใช้ประสบการณ์จากบริษัทเก่ามามาใช้ได้ เช่น มีอายุงานจากบริษัทเดิมมากกว่า 1 ปี และที่ทำงานปัจจุบันผ่านช่วงทดลองงานแล้วก็สามารถยื่นกู้ได้ครับ เพราะกลุ่มนี้ก็จะดูมีความมั่นคงในอาชีพ

ดังนั้นหากใครที่คิดจะซื้อบ้าน และมีแผนที่จะเปลี่ยนงานย้ายงานก็ต้องวางแผนดี ๆ ว่าเราจะซื้อบ้านตอนไหน ย้ายงานเมื่อไร เพื่อให้การกู้เงินซื้อบ้านของเราไม่สะดุดครับ เพราะบ้านที่ถูกใจ ทำเลดี ก็ไม่ใช่ว่าจะเจอกันบ่อยๆ ราคาก็มีแต่จะแพงขึ้นเรื่อย ๆ แต่งานก็สำคัญโอกาส ตำแหน่ง เงินเดือน เป็นสิ่งที่จำสร้างรายได้มาผ่อนบ้านครับ

2. มีหนี้สะสมเยอะ (ความสามารถในการผ่อนชำระหนี้)

ถ้าตอนที่คุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่แล้วคุณมีหนี้บัตรเครดิต มีรถที่ยังผ่อนอยู่ และภาระหนี้อื่นๆ ในระบบ เมื่อนำยอดที่ต้องผ่อนแต่ละเดือนมาดูแล้วสูงกว่า 70% ของเงินเดือนคุณ

สถานการณ์แบบนี้อาจจะถูกมองว่า "คุณไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระคืนครับ" และโอกาสที่จะสามารถกู้ผ่านได้นั้นน้อยมากครับ เพราะผู้ให้กู้จะตีว่าค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคุณในแต่ละเดือนคิดเป็นประมาณ 30% ของเงินเดือน ทีนี้หากคุณมีภาระหนี้เดิมอยู่ 70% แล้วแล้วคุณมากู้ซื้อบ้านเพิ่มอีก คุณจะเอาเงินจากไหนมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

วิธีการคำนวณภาระหนี้ง่ายๆ

วิธีการคำนวณภาระหนี้

ตัวอย่าง รายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 35,000 บาท มียอดผ่อนหนี้ในระบบต่อเดือนอยู่ที่ 29,000 บาท

= (ยอดหนี้ที่ต้องผ่อนต่เดือน ÷ เงินเดือน) x 100

= (29000÷35000) X 100

= 82% (ภาระหนี้ในปัจจุบัน)

ทางออกของคนที่มีภาระสูงและต้องการซื้อบ้านมือสอง

สำหรับคนที่คำนวนออกมาแล้วมีภาระหนี้สูง สิ่งที่เราแนะนำตอนนี้คือการพยายามลดยอดหนี้ลงให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะทำการยื่นกู้ขอสินเชื่อครับ

แนะนำคว่าหากใครมีสินเชื่อที่ดอกเบี้ยสูง เช่น มีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ ก็อาจทำการขอสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีดอกเบี้ยถูกกว่า หรือรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต รวมหนี้ หรือรับเงินก้อนไปปิดหนี้ การทำแบบนี้จะช่วยในการลดดอกเบี้ยลงทำเรามีเงินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเอาไปปิดหนี้แทนครับ

เช็กโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์รวมหนี้บัตรเครดิต : www.refinn.com/refinancecreditcard

เช็กโปรโมชั่นสินเชื่อส่วนบุคคล : www.refinn.com/personalloan

ในระหว่างนี้สิ่งที่ห้ามให้เกิดขึ้นเด็ดขาดก่อนการยื่นกู้เลย 2 อย่าง

  1. จ่ายหนี้ช้าเกินที่ธนาคารกำหนด
  2. มียอดค้างชำระหนี้ต่างๆ

เพราะทั้งสองอย่างนี้หากมีแสดงในประวัติเครดิตจะส่งผลต่อการพิจารณาสินเชื่อ

ประวัติการผ่อนชำระ

3. ค้างชำระ จ่ายหนี้ไม่ตรงเวลา (เครดิตไม่ดี มีหนี้ค้างชำระมาก่อน)

สำหรับใครที่เคยมีการชำระหนี้ไม่ตรงเวลา (เกิน 30 วันของรอบบัญชีนั้นๆ) ค้างชำระหนี้ คุณจะถูกจัดเป็นกลุ่มที่มีประวัติทางการเงินไม่ดีครับ ร้ายแรงสุดอาจจะเสียประวัติเครดติ หรือที่เราชินกับคำว่า "ติดเครดิตบูโร" ได้เลยครับ ในกรณีแบบนี้แน่นอนว่าการขอสินเชื่อก็มีสิทธิ์ที่จะถูกปฏิเสธสูงมากเลยครับ  โดยผมจะขอแบ่งออกเป็น 2 สถานการณ์ ดังนี้ครับ

กรณีมีการชำระนี้ไม่ตรงเวลา ชำระล่าช้า ค้าช้ำระหนี้ แต่ไม่เกิน 90

แบบนี้หมายถึงว่าคุณมีการค้างชำระ แล้วคุณไปจัดการหนี้ก่อนนั้นก่อนที่จะครบกำหนด 90 วัน สถานะเครดิตของคุณจะเป็น "มีประวัติค้างชำระ/ชำระล่าช้า" กรณีนี้จะไม่รุนแรงเท่ากับการติดเครดิตบูโรครับ แต่ว่าธนาคารก็ไม่ได้จะปล่อยกู้ง่าย ๆ เช่นกัน

โดนส่วนมากธนาคารจะรอดูประวัติของคุณอีก 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับแล้วแต่ธนาคาร ถ้าในช่วงนี้คุณมีการชำระหนี้อย่างเป็นปกติ ไม่มีค้างชำระ ไม่มีหยุดส่ง ธนาคารก็จะกลับมาพิจารณาให้กู้ครับ


แต่หากระหว่างทางคุณมีชำระล่าช้า ก็จะเริ่มนับ 1 ใหม่หลังจากคุณจัดการปัญหานี้ก้อนนั้นแล้วครับ

กรณีที่คุณติดเครดิตบูโร

ถ้าคุณมีประวัติทาการเงินที่เสีย ติดเครดิตบูโรแล้ว คุณจะต้องทำการจัดการภาระหนี้ก้อนให้จบ แล้วต้องกลับมาผ่อนชำระหนี้ต่าง ๆ โดยไม่ผิดนัดชำระ จ่าล่าช้า ค้างชำระเป็นเวลาอีก 36 งวด (3 ปี) ประวัติเครดิตบูโรของคุณก็จะหายไป และสามารถขอสินเชื่อกลับมาขอสินเชื่อได้ปกติครับ

ส่วนใครที่เริ่มกำลังจะมีปัญหาทางการเงิน แต่ยังไม่ถึงกับมีประวัติค้างชำระ ผมก็แนะนำให้รีบเข้าไปคุยกับธนาคารที่เรากู้เงินมา แล้วเล่าสถานการณ์ให้ฟังพร้อมกับขอแนวทาง เช่น การขอแก้ไขสัญญาขยายระยะเวลาผ่อนเพื่อลดดอกเบี้ยครับ เพื่อรักษาประวัติทางการเงินของเรา และในช่วงนี้ก็พยายามสร้างภาระหนี้เพิ่ม เพื่อไม่ส่งผลต่อการกู้ซื้อบ้านในอนาคตครับ

ถ้าเกิดว่าใน 3 ข้อที่ทางเราได้นำเสนอไปแล้วคุณไม่เข้าข่ายเลย คุณสามารถเตรียมตัวหาสินเชื่อบ้านไว้รอได้เลยครับ แต่ถ้าคุณยังหาสินเชื่อไม่ได้ ผมแนะนำที่ www.refinn.com/บ้านมือสอง จะเป็นตัวช่วยให้คุณหาสินเชื่อได้ง่ายขึ้นครับ นอกเหนือจากนี้ยังมีโปรโมชั่นและอัตราดอกเบี้ยไว้ใช้ให้คุณประกอบการตัดสินใจได้อีกด้วยครับ ใช้บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ หลังจากได้สินเชื่อแล้ว คุณก็เตรียมเอกสารไว้รอได้เลย เอกสารที่ใช้ในการขอสินเชื่อบ้านเพื่อความสะดวกรวดเร็วให้แก่ตัวคุณเองครับ

3 เรื่องระวังในชีวิตเหล่านี้ ถ้าจะให้ดีอย่าให้โผล่มาสักข้อเลยครับ พยายามรักษาวินัยในการใช้จ่ายของตัวเองให้ดี และใช้คืนตามกำหนดเวลา เท่านี้ก็จะทำให้การขอสินเชื่อกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ยิ่งถ้ามีการเตรียมตัวในเรื่องของเอกสารให้พร้อมก่อนไปขอสินเชื่อบ้านก็ยิ่งจะช่วยให้การดำเนินการกับทางธนาคารได้เร็วเพิ่มขึ้นด้วยครับ 

เผยแพร่เมื่อวันที่ 03 ก.ค. 2561
พงศธร ธนบดีภัทร
CEO & Co-Founder ที่ช่วยคนไทยรีไฟแนนซ์ไปแล้วกว่าพันล้านบาท