ต้องการเงินก้อน ทำไมควรเลือกบ้านแลกเงิน
กู้จำนองบ้าน

ต้องการเงินก้อน ทำไมควรเลือกบ้านแลกเงิน

หากต้องการใช้เงินก้อนวงเงินสูง ตั้งแต่ 2 แสนบาทขึ้นไป ไปจนถึงหลายล้านบาท และไม่อยากมาเสียดอกเบี้ยแพงๆ เดือนปีละหลายหมื่น หลายแสน สินเชื่อบ้านแลกเงิน เป็นสินเชื่อที่คุณควรต้องรู้จักครับ ดอกเบี้ยต่ำ เริ่มที่ 3% กว่าๆ และผ่อนต่อเดือนไม่สูง ซึ่งรายละเอียดสินเชื่อตัวนี้เป็นยังไง เราไปฟังกันได้ที่คลิปนี้ที่ผมสรุปมาให้สั้นๆ กันเลยครับ

เวลาที่เราต้องการใช้เงินก้อนหลายคนน่าจะนึกถึงสินเชื่อส่วนบุคคล หรือไม่ก็สินเชื่อทะเบียนรถใช่ไหมครับ ซึ่งนั้นก็ถือว่าไม่แปลกเพราะเป็นสิ่งที่เราอาจจะได้ยินกันจากสื่อบ่อยๆ คุ้นเคย และอนุมัติค่อนข้างไวเมื่อเทียบกับสินเชื่ออื่นๆ  แต่ทราบไหมครับว่าสินเชื่อทั้ง 2 ที่ได้กล่าวมา นั้นมีข้อจำกันทั้งในเรื่องของ

  1. อัตราดอกเบี้ยที่เรียกว่าค่อนข้างสูง สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลดอกเบี้ยเท่าที่เห็นในตอนนี้เริ่มต้นก็ประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ส่วนสินเชื่อทะเบียนรถ รถแลกเงิน เพดานดอกเบี้ยก็ประมาณ 22% ซึ่งก็จัดว่าสูงมาก และยังมีระยะเวลาในการผ่อนค่อนข้างสั้น
  2. วงเงินที่อาจไม่สูงมาก การขอสินเชื่อส่วนใหญ่ก็จะอิงจากหลักประกันครับ เช่น สินเชื่อส่วนบุคคลถึงจะบอกว่าเป็นสินเชื่อที่ไม่ต้องใช้หลักประกัน แต่ในความเป็นจริงก็จะอิงจากเครดิต ความน่าเชื่อถือของตัวเราซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะให้ได้สูงสุดแค่ 5 เท่าของรายได้ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะได้ 5 เท่าเลยนะครับ ขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนของเราอีกด้วยเราอาจจะได้แค่ 1.5 - 3 เท่า ส่วนสินเชื่อรถก็อิงตามราคาประเมินและให้ได้ประมาณ 80% หรือต่ำกว่านี้ก็มี

ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าการกู้เงินจากสินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อรถยนต์ นอกจากจะวงเงินไม่เยอะแล้วยังโดนดอกเบี้ยสูงอีกต่างหาก ทีนี้หากเราต้องการเงินก้อนใหญ่สักหน่อยไม่ว่าจะเป็นการเอามาต่อเติมบ้าน การนำรวมภาระหนี้อื่นๆที่ดอกเบี้ยสูงๆ แพงๆ การขอสินเชื่อบ้านแลกเงินนั้นอาจจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมกว่าครับ เราไปทำความรู้จักกันเจ้าสินเชื่อตัวนี้กันครับ

สินเชื่อบ้านแลกเงินคืออะไร

บ้านแลกเงิน หรือก็คือการจำนองบ้าน นั้นแหละครับเป็นการที่เรานำบ้านที่ปลอดภาระแล้ว (ผ่อนหมดแล้ว) มาทำการขอสินเชื่อโดยผมมองว่ามีจุดที่น่าสนใจ 4 อย่างด้วยกัน คือ

1. วงเงินกู้สูงกว่าสินเชื่ออื่นๆ

วงเงินกู้บ้าน

ถ้าเรานำมาเทียบกันสินเชื่อที่ไม่ใช้หลักประกัน แม้ว่าจะกู้ง่ายกว่าแต่วงเงินส่วนใหญ่ก็ให้สูงสุดแค่ 5 เท่าของรายได้ สมมุติว่าเงินเดือน 30,000 บาท คุณก็กู้ได้สูงสุดแค่ไม่เกิน 150,000  บาทเท่านั้น

แต่หากคุณใช้บ้านแลกเงินคุณอาจจะทำเรื่องกู้ได้สูงสุดถึง 100% ของราคาประเมินบ้าน เช่น ประเมินแล้วบ้านราคา 1 ล้านบาท เราก็อาจจะกู้ได้ถึง 1 ล้านบาทเลยครับ 

2. อัตราดอกเบี้ยถูกกว่า

เราต้องเข้าใจก่อนว่า สินเชื่อบ้านแลกเงิน นั้นเป็นสินเชื่อแบบมีหลักประกันดังนั้นธนาคารเองก็จะมองว่ามีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า เริ่มต้นกันที่ 3.90% ต่อปี

ส่วนสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันอย่างพวกสินเชื่อส่วนบุคคล ดอกเบี้ยก็อยู่ที่ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปเลยครับ

แม่ว่าจะดูต่างกันไม่กี่เปอร์เซ็นนะครับ แต่ด้วยความที่วงเงินกู้หลักแสนหรือหลักล้านก็ทำให้ดอกเบี้ยแต่ละเดือนถือว่าสูง เดียวผมลองคิดให้ดูครับ ลองดูตัวอย่างตามรูปด้านล่างนี้ก็ได้ครับว่าถ้าผมกู้เงิน 2 ล้านบาท จากสินเชื่อ 2 แบบ แล้วเรามาดูกันว่าเดือนหนึ่งผมจะเสียดอกเบี้ยต่างกันเท่าไร

วิธีคำนวนอัตราดอกเบี้ย

ตัวอย่าง ผมกู้บ้านแลกเงิน ดอกเบี้ย 3.90% ต่อปี

สินเชื่อบ้านแลกเงิน = (2,000,000 x 3.90% x 30 ) / 365

ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเดือนนี้ = 6,410 บาท

ตัวอย่าง ผมกู้สินเชื่อส่วนบุ่คคล ดอกเบี้ย 10% ต่อปี

สินเชื่อส่วนบุคคล = (2,000,000 x 10% x 30 ) / 365

ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเดือนนี้ = 16,438 บาท  

เราจะเห็นได้ว่าแม่ว่าดอกเบี้ยจะห่างกันแค่ประมาณ 6% เท่านั้น แต่ดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายนั้นต่างกันถึง 8,394 บาทเลยทีเดียวครับ ซึ่งผมว่าถือเป็นเงินที่ค่อนข้างสูงเลยนะครับ แล้วลองคิดดูนะครับนี้แค่ดอกเบี้ยเดือนเดียวหากเราต้องผ่อนไปอีกหลายปี เราจะโดยอกเบี้ยไปเท่าไร กว่าจะผ่อนหมดอาจจะซื้อรถได้สักคันเลยครับ

3. ยอดผ่อนต่อเดือนต่ำ

ดอกเบี้ยบ้านต่ำ

ยอดผ่อนต่อเดือนจะมีความสัมพันธ์กันระหว่างวงเงินที่เรากู้ กับระยะเวลาที่กู้ สมมุติหากคุณกู้ 1,000,000 บาท แล้วมีระยะเวลาผ่อนแค่ 5 ปี คุณจะผ่อนเดือนละประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท/เดือน

แต่หากคุณเลือกบ้านแลกเงินที่ผ่อนได้สูงสุด 20 ปี คุณจะผ่อนเดือนละ 6 - 7 พันบาท/เดือนเท่านั้น เท่ากับจะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง ทำให้เราไม่ต้องมาคอยกังวลยอดผ่อนในแต่ละเดือน ที่สำคัญคือถ้ามีเงินก็สามารถโป๊ะได้ด้วยก็จะผ่อนหมดเร็วขึ้น

4. รีไฟแนนซ์ลดดอกเบี้ยได้เรื่อยๆ

เรื่องนี้หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า "บ้านแลกเงิน" ก็สามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้เหมือนคนที่ซื้อบ้านใหม่ เพื่อลดดอกเบี้ยได้เหมือนกันครับ ซึ่งก็จะช่วยลดดอกเบี้ยให้เราไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงๆ ตลอดระยะเวลาที่เราผ่อนบ้าน

ข้อพิจารณาของบ้านแลกเงิน

เราฟังข้อดีของบ้านแลกเงินกันไปหลายข้อแล้ว แต่จริงๆ สินเชื่อบ้านแลกเงินก็มีข้อที่เราควรพิจารณาก่อนขำสินเชื่ออยู่เหมือนกันนะครับไม่ใช่ว่าจะเหมาะกับทุกสถานการณ์ โดยผมนึกได้ 2 ข้อ คือ

1. ระยะเวลาในการขอสินเชื่อ

เวลาเราขอสินเชื่อบ้านแลกเงินคนก็จะขอวงเงินค่อนข้างสูงใช่ไหมครับ ที่นี้เวลาที่เราดำเนินการขอกู้ทางธนาคารก็อาจจะใช้เวลาเยอะหน่อย ทั้งในส่วนที่เราต้องเตรียมเอกสาร ธนาคารเข้ามาตรวจสอบบ้าน ทำเรื่องที่กรมที่ดิน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครับ ดังนั้นหากต้องการเงินที่ด่วนมากๆ สินเชื่อบ้านแลกเงินอาจจะไม่ตอบโจทย์ แต่หากเรามีการวางแผนในการใช้เงินมาแล้วบ้านแลกเงินก็จะช่วยให้เราได้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ

2. วงเงินขอกู้

ปัญหาหนึ่งของการขอสินเชื่อคืออยากได้วงเงินกู้สูงๆ แม้เราจะบอกว่าบ้านแลกเงินนั้นดอกเบี้ยถูก แต่ในกรณีที่เราต้องการใช้เงินไม่เยอะ เช่น หลักหมื่น หรือแสนนิดๆ ผมก็อาจจะไม่แนะนำให้ใช้สินเชื่อบ้านแลกเงินนะครับ เราอาจจะเลือกใช้สินเชื่อส่วนบุคคลแทน แม้ว่าจะดอกเบี้ยสูงกว่าแต่ด้วยวงเงินที่น้อยก็อาจจะให้เราโดนดอกเบี้ยแค่ไม่กี่ร้อยบ้านต่อเดือนครับ 

รวมถึงขั้นตอนในการขอสินเชื่อก็น้อยกว่า และไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการด้วย ดังนั้นหากจะขอสินเชื่อบ้านแลกเงินผมก็แนะนำว่าอาจจะใช้เมื่อเราต้องการเงินสัก 200,000 บาทขึ้นไปครับ

ฟังกันมาถึงตรงนี้แล้วสำหรับใครที่ต้องการสมัครสินเชื่อบ้านแลกเงิน แล้วไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นยังไง ผมก็ขอแนะนำให้เข้าไปที่ www.refinn.com และเลือกหัวข้อบ้านแลกเงินครับเขาจะรวมโปรโมชั่นจากธนาคารชั้นนำไว้ให้แล้วมีการจัดอันดับโปรโมชั่นที่เหมาะกับคุณสมับัติของผู้ใช้บริการแต่ละคนไม่ต้องไปนั่งงงว่าต้องเลือกโปรโมชั่นไหนดี และยังสามารถกดสมัครผ่าน Refinn ได้เลยไม่ต้องไปสาขาที่สำคัญเรามีทีมงานที่คอยให้คำแนะนำ และช่วยติดตามผลทั้งหมดนี้ฟรี ไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายใดๆ เลยครับ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อนและอย่าลืมมาติดตามอ่านกันต่อนะครับ

เผยแพร่เมื่อวันที่ 05 ม.ค. 2567
พงศธร ธนบดีภัทร
CEO & Co-Founder ที่ช่วยคนไทยรีไฟแนนซ์ไปแล้วกว่าพันล้านบาท