วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ รู้ไว้ก่อนขอสินเชื่อ
วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ รู้ไว้ก่อนขอสินเชื่อ

วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ รู้ไว้ก่อนขอสินเชื่อ

ต้องยอมรับว่าแม้ตอนนี้เราจะผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เศรษฐกิจก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวกลับมาเต็มที่แต่อย่างใด หลายคนยังคงต้องหันไปพึ่งพาสินเชื่อเพื่อช่วยให้ชีวิตสามารถเดินต่อไปได้ ด้วยเหตุนี้ผมจะมาแนะนำทุกคนเกี่ยวกับวิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้กัน เพราะว่าเเป็นสิ่งที่เราควรทำเพื่อช่วยให้เราสามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างรัดกุมมากกว่าเดิม วิธีการคำนวณดอกเบี้ยจะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง และดอกเบี้ยเงินกู้มีกี่รูปแบบ ไปดูกันเลย

การคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้สำคัญอย่างไร

สาเหตุที่ผมอยากจะพาทุกคนมาแนะนำวิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้นั้น เป็นเพราะว่าเมื่อเราไปขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเงินด่วน หรือแม้แต่บริการบัตรกดเงินสด นอกจากเราจะได้รับเงินมาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะได้รับด้วยก็คือดอกเบี้ยนั่นเอง หากเรารู้ว่าวิธีคิดเงินกู้ทำอย่างไร ก็จะทำให้เรารู้ว่าสินเชื่อของเรามีดอกเบี้ยทั้งหมดเท่าไร ช่วยให้เราสามารถพิจารณาเปรียบเทียบสินเชื่อได้ว่าตัวไหนมีความคุ้มค่าและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรามากกว่ากัน 

นอกจากนี้ วิธีคิดดอกเงินกู้ยังช่วยให้เราได้ทราบว่าในแต่ละเดือนจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นจำนวนเท่าไรอีกด้วย ทำให้เราสามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างรอบคอบและรัดกุม ช่วยให้เราไม่ต้องประสบปัญหาทางการเงินจากการขอสินเชื่อในภายหลังได้ เพราะผมเชื่อว่าทุกคนที่มีปัญหาทางการเงินอยู่แล้ว คงไม่มีใครอยากจะประสบปัญหาหนี้สินอีกอย่างแน่นอน

รู้จักกับดอกเบี้ย

รู้จักกับดอกเบี้ย

ก่อนจะไปดูวิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ อันดับแรกผมขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าดอกเบี้ยก่อน ดอกเบี้ยเป็นเงินตอบแทนที่เราจะได้รับจากการออมเงินหรือการลงทุน อย่างเช่น หากเรานำเอาเงินไปฝากกับธนาคาร เราก็จะได้รับดอกเบี้ยเป็นการตอบแทน เช่นเดียวกัน หากธนาคารหรือผู้ให้กู้ทำการปล่อยสินเชื่อให้กับเรา เราก็จะต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทนแก่ผู้ให้กู้ด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ดอกเบี้ยจึงมีทั้งแบบที่เราได้รับมา นั่นก็คือดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารหรือการลงทุน และดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายไปนั่นก็คือดอกเบี้ยเงินกู้นั่นเอง

ดอกเบี้ยเงินกู้นั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นหลากหลายประเภท อัตราดอกเบี้ยก็มีการคำนวณหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับว่าประเภทของสินเชื่อเป็นแบบใด โดยดอกเบี้ยที่สามารถพบได้บ่อยจะมีอยู่ทั้งหมด 2 แบบ ประกอบไปด้วย ดอกเบี้ยคงที่และดอกเบี้ยทบต้นทบดอก แล้วแต่ว่าสินเชื่อของเรานั้นมีวิธีคำนวณเงินกู้อย่างไร

ดอกเบี้ยคงที่

ต้องยอมรับว่าวิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้นั้นเป็นสิ่งที่น่าปวดหัว แต่หากเราไม่อยากจะใช้วิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้ให้วุ่นวายผมขอแนะนำสินเชื่อที่ใช้ดอกเบี้ยคงที่เลย เพราะจะช่วยให้เพื่อนๆสามารถคำนวณและวางแผนทางการเงินได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน 

ดอกเบี้ยคงที่คืออะไร

ดอกเบี้ยคงที่ เป็นดอกเบี้ยที่จะมีจำนวนคงที่ในทุกงวดตลอดระยะเวลาการผ่อนชำระของเรา ดังนั้น ดอกเบี้ยในรูปแบบดังกล่าวจึงคำนวณง่าย ไม่ว่าเราจะผ่อนมานานแค่ไหนแล้ว ดอกเบี้ยก็ยังคงเป็นจำนวนเท่าเดิม ไม่ลดน้อยลง แต่ก็ไม่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้น มันจึงเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ไม่มีแผนจะนำเอาเงินก้อนมาปิดหนี้ ต้องการผ่อนชำระหนี้ไปเรื่อยๆ แบบสบายๆ ดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ ช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้เป็นอย่างดี มักนิยมใช้ในสินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อรถแลกเงิน หรือการ รีไฟแนนซ์รถยนต์ เป็นต้น

วิธีคำนวณดอกเบี้ยคงที่

ดอกเบี้ยคงที่นั้นเป็นดอกเบี้ยที่จะนำเอาเงินต้นทั้งจำนวนมาคำนวณนับตั้งแต่วันที่เราทำสัญญา วิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารแบบคงที่จึงมีสูตรแบบละเอียด ดังนี้ 

  1. เงินต้น x อัตราดอกเบี้ย x จำนวนปี = ดอกเบี้ยทั้งหมด 
  2. ดอกเบี้ยทั้งหมด / จำนวนงวด = ดอกเบี้ยต่อเดือน 
  3. เงินต้นทั้งหมด / จำนวนงวด = เงินงวดต่อเดือน 
  4. ดอกเบี้ยต่อเดือน + เงินต้นต่อเดือน = เงินผ่อนชำระต่อเดือน 

หรือสำหรับใครที่อยากจะใช้สูตรแบบเร่งรัดก็สามารถทำได้ใน 2 ขั้นตอนเช่นเดียวกัน ประกอบไปด้วย 

  1. เงินต้น x อัตราดอกเบี้ย x จำนวนปี = ดอกเบี้ยทั้งหมด 
  2. ( เงินต้น + ดอกเบี้ยทั้งหมด ) / จำนวนงวด = เงินผ่อนชำระต่อเดือน 

วิธีคำนวณดอกเบี้ยคงที่

ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยคงที่

วิธีการคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้สูตรแบบละเอียด ยกตัวอย่างเช่น ขอสินเชื่อธนาคารจำนวนเงิน 200,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 15% ต่อปี ผ่อนชำระทั้งหมด 4 ปี ทั้งหมด 48 งวด สามารถคำนวณได้ ดังนี้ 

  1. 200,000 x 15% X 4 =  ดอกเบี้ยทั้งหมด 120,000 บาท 
  2. 120,000 / 48 =  ดอกเบี้ยต่อเดือน 2,500 บาท 
  3. 200,000 / 48 = เงินงวดต่อเดือน 4,166.67 บาท 
  4. 2,500  + 4,166.67 = เงินผ่อนชำระต่อเดือน 6,66.67 บาท 

สำหรับตัวอย่างการคำนวณสูตรเร่งรัด สามารถคำนวณได้ ดังนี้ 

  1. 200,000 x 15% x4 = ดอกเบี้ยทั้งหมด 120,000 บาท 
  2. ( 200,000 + 120,000 ) / 48 = เงินผ่อนชำระต่อเดือน 6,66.67 บาท

ดอกเบี้ยทบต้นทบดอก

หากคุณเป็นคนที่ไม่อยากมีหนี้สินติดตัวเป็นเวลานาน และพบว่าดอกเบี้ยคงที่ไม่เหมาะสำหรับตัวเองที่อยากจะหาเงินมาปิดหนี้เร็วๆ สักเท่าไหร่ ผมขอแนะนำดอกเบี้ยทบต้นทบดอกหรือดอกเบี้ยลดต้นลดดอกเลย ถึงคุณอาจจะต้องมีวิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยากขึ้นกว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นรูปแบบดอกเบี้ยที่คุ้มค่าไม่น้อยเช่นเดียวกัน สำหรับคนที่อยากปิดหนี้เร็วเป็นอย่างมาก 

ดอกเบี้ยทบต้นทบดอกคืออะไร

ดอกเบี้ยทบต้นทบดอก คือการนำเอาเงินต้นคงเหลือในทุกงวดมาคำนวณดอกเบี้ย ดังนั้น เมื่อเราผ่อนชำระเงินไประยะเวลาหนึ่งแล้ว ดอกเบี้ยที่เราต้องชำระในงวดหลังๆ ก็จะยิ่งน้อยลงกว่าเดิม เท่ากับว่ายิ่งเรานำเอาเงินมาโปะเงินต้นที่เหลือได้มากเท่าไหร่ ดอกเบี้ยก็ยิ่งลดน้อยลงไปเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ มันจึงเหมาะสำหรับคนที่อยากจะปิดหนี้เร็วๆ เป็นอย่างมาก เป็นดอกเบี้ยที่นิยมใช้กับสินเชื่อบ้าน สินเชื่อบ้านมือสอง สินเชื่อบ้านแลกเงิน หรือแม้แต่การรีไฟแนนซ์บ้านและรีไฟแนนซ์คอนโด 

วิธีคำนวณดอกเบี้ยทบต้นทบดอก

วิธีคำนวณเงินกู้ลดต้นลดดอกค่อนข้างที่จะสลับซับซ้อน ที่สำคัญเรายังจะต้องคำนวณทุกงวดอีกด้วย หากเราต้องการทราบว่าดอกเบี้ยในงวดนี้จะเหลือเท่าไหร่ เนื่องจากดอกเบี้ยในแต่ละงวดจะเปลี่ยนแปลงไปตามเงินต้นที่เราจ่ายนั่นเองผมจึงจะมาแนะนำวิธีคำนวณลดต้นลดดอก 2 รูปแบบ ประกอบไปด้วย 

วิธีคำนวณดอกเบี้ยทบต้นทบดอก

คำนวณด้วยตัวเอง 

เป็นวิธีคิดดอกเบี้ยบ้านแบบง่ายๆ ขอแค่มีเครื่องคิดเลขก็เพียงพอ โดยสูตรก็คือ 

( เงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันในงวด ) / จำนวนวันต่อปี = ดอกเบี้ยในงวดนั้น 

คำนวณด้วย excel 

ถ้าเราใช้วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ด้วยตัวเอง เท่ากับว่าเราจะต้องนั่งคำนวณด้วยมือทุกงวด หากคุณผ่อนชำระ 48 งวด ก็ต้องมีการคำนวณ 48 ครั้งเลยทีเดียว ดังนั้น การใช้ Excel ในการคำนวณจึงง่ายกว่า เนื่องจากใน Excel มีสูตร pmt ลดต้นลดดอกที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับเราได้นั่นเอง โดยสูตรก็คือ

=PMT(rate,nper,pv,[fv],[type])

ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยทบต้นทบดอก

วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้แบบทบต้นทบดอกด้วยตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ขอสินเชื่อธนาคารจำนวนเงิน 200,000 บาท ผ่อนชำระเงินต้นไปแล้ว 50,000 บาท เงินต้นเหลือ 150,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 15% ต่อปี ผ่อนชำระทั้งหมด 4 ปี ทั้งหมด 48 งวด คำนวณดอกเบี้ยในงวดเดือนกรกฎาคม 

( 150,000 x 15% X 31 ) / 365 = ดอกเบี้ยในงวดนั้น 1,910.96 บาท 

สมมุติว่า ถ้าเราจะคำนวณดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคม ในเดือนกรกฎาคมเราได้จ่ายค่างวดไปทั้งหมด 6,910.96 บาท ให้คำนวณตามขั้นตอน ดังนี้ 

  1. เงินต้น + 1,910.96 = 6,910.96 เมื่อแทนค่าในสมการแล้ว เงินต้นจะอยู่ที่ 5,000 บาท 
  2. ยอดเงินต้นคงเหลือในเดือนมิถุนายน - เงินต้นที่เราชำระในเดือนกรกฎาคม = เงินต้นคงเหลือ เมื่อแทนค่าในสมการแล้วจะได้เท่ากับ 150,000 - 5,000 = 145,000 บาท 
  3. จากนั้นให้เอาไปแทนค่าในสมการคำนวณดอกเบี้ยในงวดเดือนสิงหาคม ( 145,000 x 15% X 31 ) / 365 = ดอกเบี้ยในงวดนั้น 1,847.26 บาท 

วิธีคํานวณลดต้นลดดอก excel อันดับแรกให้เราทำตาราง แนวนอนเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปี ที่เราต้องทำในส่วนนี้เนื่องจากวิธีคำนวณดอกเบี้ยบ้านส่วนใหญ่มักเป็นดอกเบี้ยลอยตัว ในแต่ละช่วงเวลาดอกเบี้ยก็จะแตกต่างกันออกไป ส่วนแนวตั้งให้เป็นปีที่กู้

จากนั้นก็ใส่สูตร =PMT(rate,nper,pv,[fv],[type]) เพื่อคำนวณหาดอกเบี้ยในแต่ละงวด 

หากคุณรู้สึกว่ามันเป็นวิธีการที่ยุ่งยาก เราไม่จำเป็นต้องทำตารางและใส่สูตรแต่อย่างใด เพราะรีฟินน์ได้แจกสูตร Excel สำหรับการคำนวณดอกเบี้ยให้คุณสามารถ คลิกเพื่อดาวน์โหลด ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องมานั่งปวดหัวแทนค่าใน Excel ด้วยตนเองอีกต่อไป

ข้อแตกต่างดอกเบี้ยคงที่ดอกเบี้ยทบต้นทบดอก

ข้อแตกต่างดอกเบี้ยคงที่ดอกเบี้ยทบต้นทบดอก

ถึงตรงนี้หลายคนน่าจะเข้าใจวิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้กันบ้างแล้ว ต่อมาก็ถึงขั้นตอนการพิจารณาว่าสรุปแล้วเราควรเลือกสินเชื่อที่ใช้ดอกเบี้ยคงที่หรือดอกเบี้ยทบต้นทบดอกดี แบบไหนจะคุ้มค่าและสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทางการเงินของเราได้มากกว่ากัน ผมจึงจะพาทุกคนไปดูวิธีการเปรียบเทียบกันว่าเลือกแบบไหนจึงจะคุ้มค่ามากที่สุด 

เทียบดอกเบี้ยคงที่เป็นดอกเบี้ยทบต้นทบดอกอย่างไร

ความจริงแล้วดอกเบี้ยคงที่และดอกเบี้ยทบต้นทบดอกนั้นเป็นดอกเบี้ยที่มีรูปแบบการคำนวณที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเรื่องตัวเลข อันดับแรกผมจะพาทุกคนมาชี้ให้เห็นข้อแตกต่างก่อนว่าดอกเบี้ยแต่ละแบบเหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ทางการเงินแบบไหนบ้าง 

  • อยากผ่อนสบายๆ ไปเรื่อยๆ หากคุณรู้สึกว่าการผ่อนไปเรื่อยๆ แบบสบาย ไม่ต้องมีเรื่องให้ปวดหัว ไม่ต้องกังวลว่าดอกเบี้ยจะขึ้นลงเท่าไหร่ งวดนี้ดอกเบี้ยของเราอยู่ที่เท่าไหร่แล้ว หรือแม้แต่การที่จะต้องมานั่งใช้วิธีคำนวณดอกเบี้ยบ้านทุกงวด ผมขอแนะนำดอกเบี้ยคงที่เลย เพราะดอกเบี้ยดังกล่าวเหมาะสำหรับคนที่อยากจะผ่อนไปเรื่อยๆ เพื่อที่ตนเองจะได้นำเอาเงินเก็บอีกส่วนหนึ่งไปลงทุนให้งอกเงยแทนที่จะมาปิดหนี้ เพราะการนำเอาเงินที่เหลือไปลงทุนทำให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากกว่าดอกเบี้ยที่เสียไป 
  • อยากปิดหนี้เร็วๆ สำหรับใครที่อยากปิดหนี้เร็ว ไม่อยากเป็นหนี้ติดต่อกันนานหลายปี ดอกเบี้ยทบต้นทบดอกก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากเราสามารถชำระหนี้เกินยอดชำระในแต่ละงวดได้ เมื่อเราชำระเงินต้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ดอกเบี้ยในงวดถัดไปลดน้อยถอยลงไปเท่านั้น มีเวลาประมาณ 2-3 ปีแรกให้เราวางแผนเก็บเงินในช่วงที่ดอกเบี้ยยังสูงอยู่ เมื่อเข้าสู่ประมาณปีที่ 4 เราก็สามารถเริ่มโปะหนี้ได้ ก็จะทำให้ภาระดอกเบี้ยของเราลดน้อยถอยลงเป็นขั้นบันได เวลาปิดหนี้ก็ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องดอกเบี้ยที่น่าปวดหัว 

นอกจากการเปรียบเทียบดอกเบี้ยว่าแบบไหนเหมาะสมกับเราในด้านไลฟ์สไตล์ทางการเงินแล้ว เรายังสามารถเปรียบเทียบในส่วนของความคุ้มค่าได้เช่นเดียวกัน โดยสามารถแบ่งออกได้เป็นทั้งหมด 2 กรณี ประกอบไปด้วย 

  • ดอกเบี้ยเท่ากัน ยกตัวอย่างเช่นสินเชื่อของธนาคารที่ 1 เป็นดอกเบี้ยคงที่ 10% ต่อปี สินเชื่อของธนาคารที่ 2 เป็นดอกเบี้ยทบต้นทบดอก 10% ต่อปีเท่ากัน ในกรณีนี้ดอกเบี้ยแบบทบต้นทบดอกถือว่าเป็นดอกเบี้ยที่ถูกกว่า เพราะดอกเบี้ยทบต้นทบดอกจะคำนวณจากเงินต้นที่คงเหลืออยู่เท่านั้น ทำให้ในงวดหลังๆ ดอกเบี้ยจะถูกลงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ดอกเบี้ยคงที่จะคำนวณจากเงินต้นก้อนแรก ไม่ว่าจะผ่อนชำระไปนานแค่ไหนดอกเบี้ยก็ยังเท่าเดิม 
  • ดอกเบี้ยแตกต่างกัน วิธีการประหยัดเทียบดังกล่าวอาจไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าดอกเบี้ยแบบไหนจะคุ้มค่ากว่ากัน แต่เราสามารถแปลงอัตราดอกเบี้ยคงที่ให้เป็นแบบลดต้นลดดอก เพื่อให้เราเห็นภาพตัวเลขแบบง่ายๆ ได้เช่นเดียวกัน นั่นก็คือการนำเอาดอกเบี้ยคงที่คูณด้วย 1.8 อย่างเช่นสินเชื่อของธนาคารที่ 1 เป็นดอกเบี้ยคงที่ 10% ต่อปี สินเชื่อของธนาคารที่ 2 เป็นดอกเบี้ยทบต้นทบดอก 12% ต่อปี ให้เรานำเอาดอกเบี้ยคงที่ของธนาคารที่ 1 มาแปลงเป็นดอกเบี้ยทบต้นทบดอกด้วยสูตร 10 x 1.8 = 18% ต่อปี หากสินเชื่อธนาคารที่ 1 เป็นแบบทบต้นทบดอก อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ประมาณ 18% เท่ากับว่าดอกเบี้ยของธนาคารที่ 2 แบบทบต้นทบดอก 12% ต่อปีถูกกว่า 

อยากขอสินเชื่อโดยไม่ต้องใช้วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ ทำอย่างไร

หากเพื่อนๆกำลังมองหาสินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการและคุ้มค่ามากที่สุด เพื่อนๆไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบด้วยตัวเองให้วุ่นวายแต่อย่างใด เพราะรีฟินน์มีบริการเปรียบเทียบโปรโมชั่นและนำเสนอโปรโมชั่นที่ดีและคุ้มค่ากับลูกค้าแต่ละคน ให้เพื่อนๆได้พิจารณาว่าสินเชื่อตัวไหนเหมาะสมกับเรามากที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไลฟ์สไตล์หรือสุขภาพทางการเงินก็ตาม มีให้เลือกหมดไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อประเภทไหน ทั้งรีไฟแนนซ์บ้าน รีไฟแนนซ์คอนโด รีไฟแนนซ์รถยนต์ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ไปจนถึงสินเชื่อธุรกิจ 

เป็นบริการที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องมานั่งใช้วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ด้วยตัวเองอีกต่อไป ตัดสินใจง่ายด้วยข้อมูลที่จัดมาแบบพร้อมต่อการเปรียบเทียบและการตัดสินใจ ไม่เสียเวลา ขอเพียงแค่คุณคำนวณค่าใช้จ่ายในระยะยาวว่าตัวเองพร้อมรับความเสี่ยงในระดับใด และมีความสามารถทางการเงินในการผ่อนชำระเงินกู้เท่าไร เพียงเท่านี้คุณก็สามารถขอสินเชื่อได้ง่ายๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สรุปเรื่องวิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้

สรุปแล้ว วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้นั้นขึ้นอยู่กับว่าดอกเบี้ยของคุณเป็นแบบใด เนื่องจากแต่ละแบบก็จะมีสูตรในการคำนวณที่แตกต่างกันออกไป หากคุณทราบวิธีการคำนวณดอกเบี้ยก็จะช่วยให้คุณสามารถพิจารณาขอสินเชื่อได้อย่างเหมาะสมกับตนเองมากขึ้นกว่าเดิม แถมยังทำให้คุณสามารถขอสินเชื่อได้อย่างคุ้มค่าอีกด้วย 

และถ้าหากคุณต้องการกู้ร่วมขอสินเชื่อ, รีไฟแนนซ์บ้าน หรือบริการอื่น ๆ เพิ่มเติม  คุณสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.refinn.com 

หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อได้ที่ เพจ Facebook : Refinn หรือ Line id : @Refinn

และถ้าไม่อยากพลาดโปรโมชั่นดีๆ ผมขอแนะนำให้สมัคร Refinn Alert บริการรับการแจ้งเตือนเพื่อที่คุณจะได้ไม่พลาดโอกาสในการลดดอกเบี้ยทุกประเภท เตรียมพร้อมยื่นเอกสารในทันที ช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากขึ้นกว่าเดิม

เผยแพร่เมื่อวันที่ 07 ส.ค. 2566
Refinn Writer
ช่วยเปรียบเทียบโปรโมชั่นที่ประหยัดดอกเบี้ยที่สุด ฟรี ไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม