รีไฟแนนซ์ คือ? รีไฟแนนซ์บ้านกับรีไฟแนนซ์รถต่างกันไหม?
รีไฟแนนซ์ คือ

รีไฟแนนซ์ คืออะไร?

สำหรับใครที่กำลังผ่อนชำระหนี้ ไม่ว่าจะผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือผ่อนบัตรเครดิต การรีไฟแนนซ์เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะมาช่วยให้ทุกคนสามารถผ่อนหนี้ได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง มีเงินหมุนทำธุรกิจต่อได้ รวมถึงขยายช่วงเวลาในการผ่อน และลดความตึงเครียดในการผ่อนให้น้อยลงครับ

รีไฟแนนซ์ คือ

ซึ่งการรีไฟแนนซ์ ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการขอสินเชื่อใหม่จากธนาคารใหม่ เพื่อนำมาโปะหนี้ที่ธนาคารเก่าครับ โดยการรีไฟแนนซ์แต่ละประเภทจะมีวัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อที่ต่างกันออกไป

รีไฟแนนซ์มีกี่ประเภท

รีไฟแนนซ์มีกี่ประเภท

โดยการรีไฟแนนซ์จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ซึ่งจะมีวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน ดังนี้ครับ

รีไฟแนนซ์บ้าน

รีไฟแนนซ์บ้าน  คือการการกู้หนี้ก้อนใหม่กับธนาคารใหม่มาปิดหนี้เดิม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดดอกเบี้ยให้ถูกลง มีเงื่อนไขว่าผู้กู้ยืมจะต้องผ่อนบ้านมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และมีเครดิตที่ดีกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดโดยสถาบันการเงิน แต่ก็มีบางกรณีครับอย่างเช่นเคยมีลูกค้าทักมาถามว่า “ผ่อนบ้าน 2 ปีรีไฟแนนซ์ได้ไหม” คำตอบคือ “ได้ครับ” แต่ด้วยกลับส่วนมากธนาคารเดิมมักจะทำสัญญากับเราเป็นระยะเวลา 3 ปีขึ้นไป ดังนั้นถ้าเราขอรีไฟแนนซ์ก่อน ตรงนี้อาจจะต้องมีการเสียค่าปรับครับ ซึ่งส่วนมากที่เคยเจอจะเสียอยู่ที่ประมาณ 3% ของยอดหนี้คงเหลือครับ

รีไฟแนนซ์รถ

 รีไฟแนนซ์รถ คือ การขอสินเชื่อเพื่อยืดระยะเวลาในการผ่อนให้นานขึ้น และผ่อนต่อเดือนให้น้อยลง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพคล่องทางการเงินของเราครับ แต่จะมีผลพลอยได้คือ อาจได้โปรโมชันเพิ่มเติมด้วย เช่น ได้ดอกเบี้ยที่ถูกลง เป็นต้น ซึ่งโดยปกติทางธนาคาร หรือสถาบันการเงินจะปล่อยสินเชื่อรีไฟแนนซ์รถให้ก็ต่อเมื่อผู้ขอสินเชื่อผ่อนรถมาเกินกว่าครึ่งนึง เช่น ในกรณีที่เลือกระยะเวลาผ่อนชำระ 6 ปี หรือเท่ากับ 72 งวด ผู้ขอสินเชื่อจะต้องผ่อนชำระมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี หรือไม่น้อยกว่า 36 งวด จึงจะสามารถยื่นขอรีไฟแนนซ์ได้

รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คือ การปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ โดยรวมยอดสินเชื่อจากทุกบัตรเครดิตทุกใบมาเป็นก้อนเดียว เพื่อให้ยอดผ่อนชำระแต่ละเดือนลดลง และได้รับดอกเบี้ยในอัตราเดียวครับ แต่อาจจะต้องดูเงื่อนไขนิดนึงครับ อย่างเช่นถ้ารายได้เราต่ำกว่า 30,000 บาท ควรมีบัตรเครดิตไม่เกิน 2 ใบถึงจะง่ายกว่าในการขอรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตครับ เพราะโดยส่วนมากธนาคารจะรับรีไฟแนนซ์ผู้ที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาท

อัตราค่าดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์

อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่หลายคนกังวลใจ ไม่รู้ว่าอัตราดอกเบี้ยแต่ละแบบคิดต่างกันยังไง แล้วถ้าเกิดเหตุการณ์ปรับขึ้นดอกเบี้ยขึ้นมาจะส่งผลยังไงกับผู้กู้บ้าง เราได้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว มาดูรายละเอียดกันเลยครับ

ดอกเบี้ยมีกี่ประเภท

อัตรดอกเบี้ยหลักๆจะมี 2 ประเภทด้วยกัน คือ

1. อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed rate)

คือ อัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมตลอดอายุสัญญากู้ตามที่กำหนดไว้ ไม่มีการปรับขึ้น-ลง อธิบายให้เข้าใจแบบง่ายๆนะครับ ถ้าธนาคาร A ให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ต่อปี MRR=7.25% ดังนั้น เราจะผ่อนในอัตราดอกเบี้ย 7.25% ตลอดอายุสัญญาครับ ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์ธนาคารกลางประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย สมมุติประกาศขึ้น 0.25% อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่จะไม่เปลี่ยนแปลงครับ ก็คือผ่อนที่ 7.25% ต่อปีเท่าเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง

2. อัตราดอกเบี้ยลอยตัว(Flot rate)

คือ อัตราดอกเบี้ยที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารกลางครับ ยกตัวอย่างนะครับ ถ้าเราผ่อนกับธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว MRR-3.25% สมมุติดอกเบี้ยที่แท้จริง MRR=7.25% เท่ากับเราต้องผ่อนดอกเบี้ย 4% ต่อปีครับคือ 7.25%-3.25% แต่**ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ธนาคารกลางประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย เช่น ประกาศขึ้น 0.25% ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวจะเปลี่ยนจากเดิมที่ 7.25%-0.25% กลายเป็น (7.25%+0.25%)-3.25%=4.25% แทนครับ

รีไฟแนนซ์ ธนาคารไหนดี

ถ้าจะให้บอกว่าการเลือกรีไฟแนนซ์กับธนาคารไหนดีที่สุด สิ่งแรกคือ ต้องถามเหตุผลในการรีไฟแนนซ์ก่อนครับว่าเราต้องการอะไรจากการรีไฟแนนซ์ในครั้งนี้ หรือต้องการให้ความสำคัญกับจุดไหนที่สุด เช่น ต้องการระยะเวลาในการผ่อนนานที่สุด, ต้องการดอกเบี้ยต่ำที่สุด หรือ ต้องการโปรชันชั่นพิเศษเพิ่มเติมอย่างฟรีค่าจดจำนอง หรืออื่นๆ เพราะแต่ละธนาคารจะตอบโจทย์กับความต้องการของเราไม่เหมือนกันครับ ดังนั้น จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าธนาคารไหนดีที่สุด แต่สามารถเข้ามาเช็กโปรโมชันและอัตราดอกเบี้ยฟรีจากสถาบันการเงินชั้นนำได้ที่ Refinn ครับ

ข้อดีของรีไฟแนนซ์ คือ

ข้อดีของรีไฟแนนซ์ คือ

การรีไฟแนนซ์ จะมีข้อดีที่ต่างกันตามประเภทและวัตถุประสงค์ของการรีไฟแนนซ์ครับ แต่สิ่งที่จะได้เหมือนกันคือ ดอกเบี้ยที่ลดลงครับ โดยเราจะมาบอกของดีของการรีไฟแนนซ์แตละประเภทกันครับ

การรีไฟแนนซ์บ้าน

  • ได้ดอกเบี้ยที่ถูกลง
  • อาจได้โปรโมชันอื่นเพิ่มเติม เช่น ถ้ารีไฟแนนซ์ + ทำ MRTA จะได้ลดดอกเบี้ยลงไปอีก เป็นต้น
  • ลดระยะเวลาในการผ่อนบ้านให้หมดเร็วมากขึ้น

การรีไฟแนนซ์รถ

  • ยืดระยะเวลาในการผ่อนให้นานขึ้น
  • ผ่อนต่อเดือนน้อยลง
  • ส่งผลให้สภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น
  • สามารถนำเงินที่ได้ไปปิดหนี้ หรือ ใช้ประโยชน์อื่นๆได้

การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

  • ทำให้ได้อัตราดอกเบี้ยเดียว ซึ่งจะต้องคำนวณก่อนว่าคุ้มค่ากว่าเดิมไหมก่อนรีไฟแนนซ์
  • ปิดหนี้ได้ง่ายขึ้น
  • ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน

ข้อจำกัดของรีไฟแนนซ์ คือ

ข้อจำกัดของการรีไฟแนนซ์คือ ถึงแม้เราจะรู้ว่าการรีไฟแนนซ์มีข้อดียังไง และตรงกับเป้าหมายของเรา แต่การรีไฟแนนซ์แต่ละประเภทก็จะมีกฎเกณฑ์และข้อจำกัดอยู่ครับ ตรงที่ ถ้าเราติดเครดิตบูโร หรือ ประวัติทางการเงินไม่ดี จะทำให้สถาบันทางการเงินไม่อนุมัติผ่านการยื่นรีไฟแนนซ์ของเราครับ ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีสถาบันทางการเงินที่รับรีไฟแนนซ์โดยที่ไม่เช็คเครดิตบูโร แต่อัตราดอกเบี้ยที่ได้ ก็จะสูงกว่าสถาบันทางการเงินชั้นนำที่เช็คเครดิตบูโรครับ

รีไฟแนนซ์ เหมาะกับใครบ้าง

การรีไฟแนนซ์จะเหมาะกับใครนั้น ต้องดูก่อนว่ารีไฟแนนซ์อะไร เพราะเเต่ละประเภทของการรีไฟแนนซ์ก็จะเหมาะกับคนที่มีเป้าหมายที่ต่างกันครับ เช่น

รีไฟแนนซ์บ้าน จะเหมาะกับคนที่ผ่อนบ้านมาเกิน 3 ปี และต้องการลดดอกเบี้ยบ้านให้ถูกลง รวมไปถึงต้องการลดระยะเวลาในการผ่อนบ้านให้หมดเร็วขึ้น ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้านสามารถกู้เพิ่มได้ด้วย โดยเราสามารถเอาเงินเพิ่มตรงนี้ไปใช้ประโยชน์อื่นๆได้ด้วยครับ

รีไฟแนนซ์รถ จะเหมาะกับคนที่ผ่อนไม่ไหวและต้องการยืดระยะเวลาในการผ่อนให้นานขึ้น และยอดผ่อนต่อเดือนน้อยลง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพคล่องทางการเงินของเราครับ หรือเหมาะกับคนที่ต้องการเงินด่วนเพื่อนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ

ส่วนรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต จะเหมาะกับคนที่มี่หนี้บัตรเครดิตสูง และหลายใบ ผ่อนชำระมานานหนี้ก้ไม่ลดลงสักที จึงต้องการรวมหนี้บัตรเครดิตหลายใบไว้ที่ธนาคารเดียว เพื่อลดดอกเบี้ยบัตรเครดิต และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินโดยให้ยอดผ่อนต่อเดือนน้อยลง

ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ คือ

ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์

ในการรีไฟแนนซ์ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมซึ่งจะต่างกันออกไปตามแต่ละประเภทของการรีไฟแนนซ์ครับ ยกตัวอย่างเช่น 

  • ค่าปรับสำหรับบ้านในกรณีที่รีไฟแนนซ์ก่อนผ่อนครบ 3 ปี (สำหรับ ค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์บ้าน)
  • ค่าธรรมเนียมการกู้
  • ค่าประเมินหลักประกัน
  • ค่าปิดบัญชีกับธนาคารเก่า
  • และค่าใช้จ่ายอื่นๆ

แต่ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายต่างๆเหล่านี้ทางธนาคารใหม่จะดำเนินการจ่ายและหักจากวงเงินกู้ที่อนุมัติให้เราเรียบร้อยแล้วครับ

อยากรีไฟแนนซ์ ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร

หลังจากที่เรารู้ไปแล้วว่าการรีไฟแนนซ์คืออะไร ต่อมาเรามาดูกันครับว่าเราต้องมาคุณสมบัติอะไรบ้างถ้าจะขอรีไฟแนนซ์

ผู้ที่สามารถรีไฟแนนซ์บ้าน

  • จะต้องมีอายุ 20 ปริบูรณ์แต่ไม่เกิน 65 ปีครับ
  • สำหรับผู้มีรายได้ประจำจะต้องมีรายได้ 15,000 บาทขึ้นไป
  • สำหรับเจ้าของกิจการและอาชีพอิสระจะต้องมีรายได้ 30,000 บาทขึ้นไป
  • สำหรับพนักงานประจำ ต้องทำงานมาแล้วอย่างน้อย 3 เดือน 
  • สำหรับเจ้าของกิจการและอาชีพอิสระต้องดำเนินกิจการหรือประกอบอาชีพมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ปี
  • เอกสารแสดงที่มาของรายได้ เฉพาะผุ้ที่ประกอบอาชีพอิสระ

ผู้ที่สามารถรีไฟแนนซ์รถ

  • จะต้องมีอายุ 20 ปริบูรณ์แต่ไม่เกิน 65 ปี
  • มีสัญชาติไทย
  • มีรายได้ประจำ
  • ถ้าเป็นเจ้าของกิจการ หรือ อาชีพอิสระ ทางสถาบันทางเงินจะมีการขอเอกสารเพิ่มเติมครับ เพื่อตรวจสอบรายได้ที่แน่นอน และใช้ในการพิจาณาการให้สินเชื่อ

ผู้ที่สามารถรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

  • มีรายได้ที่มากกว่า 15,000 บาทขึ้นไป
  • ทั้งนี้ทั้งนั้นหากมีรายได้น้อยกว่า 30,000 บาท ควรจะต้องมีบัตรเครดิตไม่เกินกว่า 2 ธนาคาร
  • ต้องไม่มีประวัติค้างชำระเกิน 30 วัน หรือ จะต้องไม่มีเครดิตเสียในช่วง 36 เดือนที่ผ่านมา

เอกสารที่ต้องใช้ในการรีไฟแนนซ์ คืออะไรบ้าง

เอกสารที่ต้องใช้ในการรีไฟแนนซ์มีรายละเอียดที่ค่อนเยอะ แต่โดยปกติแล้วไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์บ้าน

รถยนต์ หรือบัตรเครดิต จะใช้เอกสาร 3 อย่างที่ต้องเตรียม ดังนี้

เอกสารยืนยันตัวตน

  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้านที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน
  • สำเนาสมุดเงินฝากบัญชีธนาคาร
  • สำเนาใบเปลี่ยน ชื่อ - สกุล (ถ้ามี)
  • เพิ่มเติมสำหรับบ้านในกรณีกู้ร่วม เช่น สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน ของคู่สมรส, สำเนาทะเบียนสมรส หรือ สำเนาใบหย่า, สำเนาใบปรณบัตร (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต)

เอกสารแสดงรายได้

สำหรับเอกสารแสดงรายได้จะแบ่งตามแต่อาชีพของผู้ขอสินเชื่อ

ผู้ที่รายได้ประจำ

  • สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 2-3 เดือน
  • สำเนารายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
  • หนังสือรับรองเงินเดือนฉบับจริง อายุไม่เกิน 2 เดือน
  • เพิ่มเติมสำหรับรีไฟแนนซ์บ้าน และ รีไฟแนนซ์รถ สำเนาหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือ 50 ทวิ (ขึ้นอยู่กับสถาบันทางการเงิน)

สำหรับผู้ที่ประกอบกิจการส่วนตัว

  • สำเนาหนังสือรับรองสำหรับการจดทะเบียน หรือ สำเนาทะเบียนการค้า
  • สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
  • สำเนาใบ ภพ.30 / ใบแสดงภาษีหัก ณ ที่จ่าย / ภงด.50/51
  • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6-12 เดือน 
  • เพิ่มเติมสำหรับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของกรรมการผู้มีอำนาจ หรือ เจ้าของกิจการ

เอกสารหลักประกัน (จะมีเฉพาะของรีไฟแนนซ์บ้าน และรีไฟแนนซ์รถ)

สำหรับรีไฟแนนซ์บ้าน จะใช้ เอกสารรีไฟแนนซ์บ้าน ดังนี้

  • สำเนาเอกสารสำหรับแสดงกรรมสิทธฺ เช่น โฉนดที่ดิน, อช.2)
  • สำเนา หนังสือสัญญาขายที่ดิน หรือ ทด.13, สำเนาสัญญษให้ที่ดิน หรือ ทด.14, สำเนาสัญญาที่รับรองการเช่าซื้ออาคารชุด

สำหรับรีไฟแนนซ์รถ จะใช้ดังนี้

  • เล่มทะเบียนรถตัวจริง
  • สำเนาของกรมธรรม์ประกันรถ แต่ทั้งนี้อายุต้องไม่ต่ำกว่า 90 วัน
  • รถ เพื่อใช้ในการนัดตรวจสภาพ

ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์

ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์มีขั้นตอนหลักๆ อยู่ 8 ขั้นตอนด้วยกัน ดังนี้

  1. ตรวจสอบสัญญากู้
  2. เตรียมเอกสาร
  3. เลือก และติดต่อธนาคารที่ต้องการขอรีไฟแนนซ์
  4. ยื่นขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์
  5. รออนุมัติผล
  6. ติดต่อสถาบันการเงินเดิม เพื่อปิดบัญชี
  7. ส่งเอกสารเพิ่มเติมให้กับสถาบันการเงินแห่งใหม่ที่ขอทำการรีไฟแนนซ์
  8. รับเงินหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ

ขั้นตอนรีไฟแนนซ์ง่ายๆผ่าน Refinn

5 ขั้นตอนรีไฟแนนซ์ง่ายๆผ่าน Refinn

สำหรับใครที่อยากรีไฟแนนซ์ แต่กลัวจะพลาดโปรโมชันดีๆ ที่เหมาะสมไป หรือไม่รู้ว่าควรจะเริ่มยังไง สามารถปรึกษากับทางทีมงาน Refinn ได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ซึ่งขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์กับ Refinn สามารถทำได้ง่ายๆ เพียง 4 ขั้นตอนเท่านั้น

  1. เข้าเว็บไซต์ https://www.refinn.com/ ค้นหาโปรโมชันรีไฟแนนซ์ที่เหมาะสม และประหยัดที่สุดจาก 15 ธนาคารชั้นนำ 
  2. กรอกเอกสารออนไลน์
  3. รับเอกสาร พร้อมลงรายมือชื่อ และจะมีเจ้าหน้าที่จาก Refinn ติดต่อกลับ
  4. ส่งเอกสารให้ธนาคาร เพื่อดำเนินการรีไฟแนนซ์

การรีไฟแนนซ์กับ Refinn นอกจากจะไม่มีค่าบริการ และค่าธรรมเนียมแล้ว การดำเนินการตั้งแต่ขั้นตอนการสมัคร และยื่นเอกสารรีไฟแนนซ์ จะเป็นการทำผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด ทำให้สะดวก และไม่ต้องเสียค่าเดินทาง ที่สำคัญคือสามารถเปรียบเทียบดอกเบี้ยจาก 15 ธนาคารชั้นนำก่อนตัดสินใจ ไม่ต้องคอยไล่โทรติดต่อเองทุกที่ หมดปัญหาดำเนินเรื่องช้า รอสายติดต่อธนาคารนานๆ อีกทั้งเรายังมีทีมงานมากประสบการณ์คอยให้คำแนะนำ และคอยติดตามการดำเนินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ 

คำถามรีไฟแนนซ์ที่พบบ่อย

รีไฟแนนซ์แล้วขอสินเชื่อเพิ่มได้ไหม

ได้ หรือ ไม่ได้ ขึ้นอยุ่กับประเภทของการรีไฟแนนซ์ครับ ถ้าเป็นการรีไฟแนนซ์ รถ กับ บัตรเครดิต จะไม่สามารถกู้เพิ่มได้ แต่ถ้าเป็นการรีไฟแนนซ์บ้านจะสามารถกู้เพิ่มได้ครับ

ตัวอย่างการขอวงเงินกู้เพิ่ม 

กู้บ้าน 5 ล้านบาท หลังจากที่ผ่อนไปเรื่อยๆ จนยอดหนี้ของเราลดเหลือ 3 ล้านบาท เท่ากับว่ายอดเงินที่เราได้ผ่อนไปแล้ว 2 ล้านบาท ที่ถือเป็นสินเชื่ออเนกประสงค์ โดยทางธนาคารกำหนดวงเงินไว้ไม่เกินร้อยละ 90 ดังนั้นเราจะสามารถขอกู้เพิ่มได้สูงสุด 1.5 ล้านบาท เท่ากับว่าวงเงินทั้งมดที่เราสามารถกู้ได้สูงสุด 4.5 ล้านบาทนั่นเองครับ

เครดิตไม่ดีรีไฟแนนซ์ได้ไหม

ส่วนมากการที่ธนาคารจะปล่อยสินเชื่ออะไรก็แล้วแต่จะต้องมีการเช็คเครดิตก่อนครับ ดังนั้นถ้าเครดิตของเราไม่ดี หรือ ติดบูโร ส่วนมากธนาคารจะไม่อนุมัติให้ผ่านครับ ซึ่งอาจจะต้องปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ โดยการทำให้ยอดหนี้ค้างจ่ายเหลือน้อยที่สุดก่อน แล้วจึงค่อยยื่นรีไฟแนนซ์ใหม่ครับ

รีไฟแนนซ์ใช้เวลานานไหม

รีไฟแนนซ์แต่ละประเภทจะใช้เวลาในการรีไฟแนนซ์แตกต่างกัน

การรีไฟแนนซ์บ้านจะสามารถยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ได้ตั้งแต่ 1-2 เดือนก่อนครบสัญญา และใช้เวลาพิจารณาอนุมัติประมาณ 2-4 สัปดาห์ ดังนั้นรีบยื่นก่อนผ่อนครบ 3 ปี จะได้พอดีกันครับ โดยปกติการรีไฟแนนซ์บ้านจะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1.5-4 เดือนเลย หากสมัครรีไฟแนนซ์ผ่านรีฟินน์จะใช้เวลาประมาณ 1.5 เดือนเท่านั้นครับ ส่วนการรีไฟแนนซ์รถจะใช้เวลาอนุมัติประมาณ 3-7 วันทำการ 

สรุปเรื่องรีไฟแนนซ์

ธนาคารไหนที่ตอบโจทย์ความต้องการของเรามากที่สุด รวมถึงพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ อย่างถี่ถ้วน และสำหรับใครที่กำลังวางแผนรีไฟแนนซ์ แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ขั้นตอนดูยุ่งยากไปหมด รายละเอียดูเยอะ กลัวตัดสินใจพลาด ให้ Refinn เป็นผู้ช่วยให้คำปรึกษา และคอยจัดหาโปรโมชันอัตราดอกเบี้ยต่ำ ให้ตอบโจทย์กับความต้องการของคุณ ให้คุณได้มีเวลาไปโฟกัสกับเรื่องอื่นๆ มากขึ้น ติดต่อทีมงาน Refinn ได้เลย

เผยแพร่เมื่อวันที่ 05 เม.ย. 2566
Refinn Writer
ช่วยเปรียบเทียบโปรโมชั่นที่ประหยัดดอกเบี้ยที่สุด ฟรี ไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม