Retention คือ? ต่างกับ Refinance อย่างไร? แบบไหนดีกว่า?
รีเทนชันคืออะไรต่างจากการรีไฟแนนซ์บ้านอย่างไร

Retention คือ? ต่างกับ Refinance อย่างไร? แบบไหนดีกว่า?

ส่วนใหญ่แล้วความฝันของทุกคนคือการมีบ้านสักหลังเป็นของตัวเอง แต่การซื้อบ้านสักหลังนั้นเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก หากไม่มีเงินก้อนเพื่อซื้อบ้าน ก็จำเป็นต้องยื่นกู้กับธนาคาร ถึงแม้ในระยะเวลา 3 ปีแรก จะเป็นดอกเบี้ยคงที่ แต่หลังจากนั้นจะเข้าสู่ช่วงดอกเบี้ยลอยตัว ซึ่งมีดอกเบี้ยที่สูงมาก และต้องใช้ระยะเวลาการผ่อนนานเป็น 10 - 20 ปี

ดังนั้นหลายคนจึงหาทางออก และวิธีในการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อลดดอกเบี้ย แต่ผู้คนส่วนมากมักรู้จัก คุ้นเคย และเลือกใช้วิธีการรีไฟแนนซ์บ้าน  แต่ก็ยังไม่ทราบว่ามีวิธีการรีเทนชั่น ด้วย แต่การรีเทนชั่น คืออะไรล่ะ? วันนี้ผมจะอธิบายและไขข้อข้องใจกันว่า Retention คืออะไร และมีความแตกต่างจากการ รีไฟแนนซ์ อย่างไรบ้าง? และแบบไหนดีกว่ากัน?

Retention คือ?

retention คือ การเจรจาต่อรองกับธนาคารในการขอลดดอกเบี้ย หลังจากผ่อนครบ 3 ปีแล้ว จะสามารถทำการยื่นเรื่องกับธนาคารเดิมเพื่อขอลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง จึงเป็นอีกทางเลือกในการลดค่าใช้จ่ายในส่วนดอกเบี้ยไปได้ โดยทางธนาคารจะพิจารณาและตรวจสอบประวัติการผ่อนชำระของผู้กู้ที่ผ่านมาครับ

ข้อดีและข้อจำกัดของ Retention คืออะไร

ข้อดีและข้อจำกัดของ Retention

จากข้างต้นเพื่อน ๆ คงได้ทราบกันแล้วว่ารีเทนชั่นคืออะไร ซึ่งการรีเทนชั่นก็มีทั้งข้อดี และข้อจำกัด ดังนี้ครับ

ข้อดีของ Retention

  1. การรีเทนชั่นกับธนาคารเดิม ไม่จำเป็นต้องยื่นเอกสารใหม่มากมาย เพียงแค่เตรียมเอกสารสัญญาเงินกู้ ทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน
  2. มีค่าธรรมเนียมต่ำเพียง 1-2%ของยอดกู้
  3. อนุมัติไวและรวดเร็ว

ข้อจำกัดของ Retention

อัตราดอกเบี้ยลดลงเล็กน้อย ส่วนใหญ่อยู่ที่ 0.25-0.50% ซึ่งจะน้อยกว่าการ refinance

ถ้าอยาก Retention ต้องมีเอกสารอะไรบ้าง

การทำ retention ใช้เอกสารน้อยมาก เนื่องจากทำกับธนาคารเดิม จึงมีข้อมูลของเราอยู่แล้ว โดยเตรียมเอกสารเพียง

  1. สัญญาเงินกู้
  2. ทะเบียนบ้านของผู้กู้
  3. บัตรประชาชนของผู้กู้

ขั้นตอน Retention คือ

อ่านมาถึงตรงนี้เพื่อนๆคงจะอยากรู้กันแล้วใช่มั้ยล่ะครับว่าการรีเทนชันต้องมอะไรบ้าง มาครับผมจะมาบอกวิธีการให้

  1. เตรียมเอกสารในการทำเรื่อง ได้แก่ สัญญาเงินกู้ ทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนของผู้กู้
  2. เข้าไปทำเรื่องเจรจาต่อรองขอลดอัตราดอกเบี้ย กับธนาคารที่ได้ทำการผ่อนชำระบ้านอยู่
  3. รอผลการพิจารณาอนุมัติ ซึ่งมักจะไม่นานประมาณ 7 วันทำการ
  4. อาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อย แค่ประมาณ 1-2% ของวงเงินกู้

Retention กับ Refinance ต่างกันอย่างไร

Retention กับ Refinance ต่างกันอย่างไร

รีไฟแนนซ์ คือการยื่นกู้สินเชื่อบ้านกับธนาคารใหม่ เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง โดยทางผู้ขอกู้สามารถเลือกธนาคารใดก็ได้ที่ผู้ขอกู้พึงพอใจต่อข้อเสนอของธนาคารนั้น ๆ ซึ่งต้องเตรียมเอกสารในการยื่นกู้ใหม่ทั้งหมด

โดยส่วนใหญ่การรีไฟแนนซ์บ้าน หรือขอลดดอกเบี้ยบ้าน จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผ่านชำระบ้านไปแล้ว 3 ปีขึ้นไป ดังนั้นการรีไฟแนนซ์จึงได้รับความสนใจมาก เนื่องจากช่วยลดดอกเบี้ย และภาระในการผ่อนบ้านลงได้ ซึ่งต่างกับการรีเทนชั่น ที่เป็นการติดต่อขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมได้เลย แต่จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำกว่าการรีไฟแนนซ์นั่นเองครับ

Retention หรือ Refinance แบบไหนคุ้มกว่ากัน

จากข้อมูลที่ทาง Refinn อธิบายไปข้างต้น การรีไฟแนนซ์บ้าน หรือ การรีเทนชั่น มีข้อดีและข้อจำกัด และความคุ้มค่าที่แตกต่างกัน 

การรีไฟแนนซ์ และ รีเทนชั่นนั้นเป็นการลดดอกเบี้ยเงินกู้เหมือนกันทั้งคู่ การที่จะเลือกแบบไหนให้เหมาะและคุ้มค่า ก็ขึ้นอยู่กับยอดเงินกู้และความต้องการของผู้กู้เอง

การรีเทนชั่นอาจเหมาะกับบ้านที่เหลือยอดผ่อนชำระต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท หรือผ่อนมานานหลายปีจนใกล้ครบยอดกู้ เนื่องจากการรีเทนชั่นจะลดดอกเบี้ยลงได้ไม่มาก แต่แลกกับความสะดวกในเรื่องเอกสาร ระยะเวลาในการอนุมัติ และค่าธรรมเนียมที่น้อยกว่าการรีไฟแนนซ์ ก็ถือว่าคุ้มค่ากับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงไป

ในส่วนการรีไฟแนนซ์เหมาะกับบ้านที่ยังเหลือยอดผ่อนชำระเกินหนึ่งล้านบ้าน เนื่องจากการรีไฟแนนซ์บ้านต้องเตรียมเอกสารจำนวนมากและมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติม หากยอดเงินจำนวนไม่มากก็อาจไม่คุ้มกับการเสียค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เสียไป แต่การรีไฟแนนซ์จะได้รับส่วนลดของอัตราดอกเบี้ยที่มากกว่าการรีเทนชั่นอยู่มาก จึงมีความคุ้มค่ามากกว่าการรีเทนชั่น เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และการรีไฟแนนซ์จะทำให้เรามีโอกาสในการเลือกอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้หลากหลายกว่า โดยเราควรเลือกอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดในเงื่อนไขที่ดีที่สุด

Refinance อย่างไรให้คุ้มค่า

เมื่อเพื่อนๆตัดสินใจได้แล้ว และเลือกวิธีการรีไฟแนนซ์ โดยปกติแล้วจะมีขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน ที่ยุ่งยาก และต้องใช้เอกสารรีไฟแนนซ์บ้านมากมาย แต่ความยุ่งยากนี้จะหมดไป โดยทาง Refinn คำแนะนำดี ๆ ในการรีไฟแนนซ์ให้คุ้มค่า สะดวก และรวดเร็วมากที่สุด เพียงใช้บริการ รีไฟแนนซ์ กับ Refinn

ขั้นตอนแรกเราต้องค้นหาโปรโมชั่น เปรียบเทียบโปรโมชั่น และยื่นสมัครกับธนาคารที่เราสนใจ ซึ่งในส่วนนี้หากเราไม่อยากไปเดินดูที่หน้าสาขาธนาคารเองก็สามารถเข้าไปดูโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บ้านได้ที่ รีไฟแนนซ์บ้าน ซึ่งรวมโปรโมชั่นไว้มากมายให้ทุก ๆ คนได้เปรียบเทียบ และตัดสินใจในการเลือกธนาคารสำหรับการการรีไฟแนนซ์บ้านที่คุ้มค่า และถูกใจเพื่อนๆ ซึ่งขั้นตอนถัดไปเพื่อนๆสามารถเริ่มใช้บริการรีไฟแนนซ์บ้านกับ Refinn ได้เลย

เพื่อนๆเพียงกรอกข้อมูลสมัครครั้งเดียว ก็สามารถยื่นเรื่องได้หลายธนาคาร 

หากเพื่อนๆทำด้วยวิธีการแบบเดิมคือไปยื่นด้วยตัวเองที่ธนาคาร เพื่อนๆจะต้องกรอกข้อมูลการสมัครใหม่ทุก ๆ ธนาคารที่เพื่อนๆสมัคร แต่หากเลือกสมัครผ่าน Refinn เพียงเพื่อนๆกรอกข้อมูลแค่ครั้งเดียว เพื่อนๆสามารถยื่นสมัครได้ทุกธนาคารพันธมิตร

โดยทาง Refinn มีทีมงานที่มากประสบการณ์คอยให้คำแนะนำและติดตามงานจนดำเนินการเสร็จสิ้น โดยหลายครั้งที่ผู้ดำเนินการรีไฟแนนซ์บ้านด้วยตัวเอง แล้วพบปัญหาการดำเนินเรื่องช้า บางคนต้องใช้เวลาเดินเรื่องนานถึง 3 เดือน ติดต่อธนาคารก็ลำบาก สมัครหลายที่ก็ต้องโทรเองทุกที่ หรือมีปัญหาไม่รู้จะปรึกษาใคร แต่หากเพื่อนๆสมัครผ่าน Refinn เราจะมีทีมงานที่มากประสบการณ์คอยติดตามผล และให้คำปรึกษาตลอดระยะเวลาที่ทำเรื่อง ทำให้การรีไฟแนนซ์บ้านของเพื่อนๆทำได้รวดเร็วขึ้นด้วย

ใช้บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายและข้อผูกมัดใด และค่าใช้จ่ายแอบแฝง

เนื่องจากรีฟินน์เป็น Fintech Startup ที่ได้รับค่าสนับสนุนทางการตลาดจากหลายธนาคารชั้นนำในประเทศไทย จึงทำให้ไม่มีการคิดค่าบริการจากทางผู้รับบริการ

เพียงเท่านี้ การรีไฟแนนซ์บ้าน ของเพื่อนๆก็จะไม่ยุ่งยากอีกต่อไป แค่ใช้บริการของ Refinn

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Retention

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Retention

ก่อนไปถึงส่วนสุดท้ายของบทความผมมีคำถามน่าสนใจที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรีเทนชันให้เพื่อนได้ทำความเข้าใจกันครับ

Retention ทำได้กี่ครั้ง

หากผู้กู้ไม่มีประวัติชำระที่ล่าช้า หรือมีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ทางธนาคารจะพิจารณาให้ทุก ๆ 3 ปี แต่ผู้กู้ต้องไปติดต่อกับธนาคารเอง และในบางธนาคารหากวงเงินเหลือต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท จะขอ รีเทนชั่นไม่ได้

Retention ใช้เวลาอนุมัตินานไหม

การรีเทนชั่น ใช้ระยะเวลาอนุมัติสั้นมาก หลังจากยื่นเอกสารต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว บางธนาคารใช้เวลาแค่ 7 วันทำการ ก็สามารถทราบผลการอนุมัติแล้ว นี่ถือเป็นจุดเด่นหลัก ๆ ของการรีเทนชั่นเลย

Retention Vs Refinance ประหยัดดอกเบี้ยต่างกันเท่าไหร่

สำหรับใครกำลังลังเลว่าจะรีไฟแนนซ์บ้านดี หรือ Retention บ้านดีกว่าผมจะลองยกตัวอย่างโจทย์ให้ดูนะครับว่าในระยะยาว 2 วิธีนี้ประหยัดดอกเบี้ยต่างกันเท่าไหร่

โจทย์ ยอดหนี้บ้านคงเหลือ 2,000,000 บาท เดิมผ่อนต่อเดือน 20,000 บาท ดอกเบี้ย 3.00% แต่พอเข้าปีที่ 4 ดอกเบี้ยปรับขึ้นเป็น 5.00% ถ้า Retention ดอกเบี้ยจะลดลง 0.50% แต่ถ้ารีไฟแนนซ์บ้าน ปัจจุบันดอกเบี้ยต่ำสุดเฉลี่ย 3 ปีจะอยู่ที่ 3.25% 

คิดแบบง่าย ๆ เดิมผ่อนอยู่ดอกเบี้ย = (2,000,000 x 3.00% x 30) / 365 = 4,931.50  บาท

เข้าปีที่ 3 จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเป็น = (2,000,000 x 5.00% x 30) / 365 = 8,219.17 บาท

ถ้าขอ Retention ดอกเบี้ยเหลือ = (2,000,000 x 4.50% x 30) / 365 = 7,397.26 บาท

แต่ถ้ารีไฟแนนซ์บ้าน ดอกเบี้ยจะลดลง = (2,000,000 x 3.25% x 30) / 365 = 5,342.46 บาท

เท่ากับว่ารีไฟแนนซ์บ้านลดดอกเบี้ยบ้านได้มากกว่าการ Retention = 2,054.80 บาท

**หมายเหตุ : เป็นการคิดเลขแบบคร่าว ๆ ซึ่งในความเป็นจริงสูตรการคำนวณดอกเบี้ยบ้าน = (เงินต้นคงเหลือ x ดอกเบี้ย x 30 วัน) / 365 แสดงว่าเงินต้นของเราจะลดลงในทุก ๆ ปี ดอกเบี้ยในแต่ละเดือนจึงต่างกัน

สรุปเรื่อง Retention

ทุกคนคงเข้าใจกันเล้วว่าการรีเทนชั่น และการรีไฟแนนซ์คืออะไร และมีความแตกต่างกันอย่างไร โดยจากความหมายที่บอกมาทั้งหมดจึงพอสรุปได้ว่า การรีเทนชั่น คือการขอลดอัตราดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม โดยใช้เอกสารน้อย ใช้เวลาไม่นาน มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ แต่ก็ได้ส่วนลดอัตราดอกเบี้ยต่ำมากเช่นกัน ซึ่งในส่วนของการรีไฟแนนซ์ คือการขอสินเชื่อกับธนาคารใหม่ที่ผู้กู้พอใจในข้อเสนอ และอัตราของดอกเบี้ย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระแต่ละเดือนลง

ดังนั้นเมื่อถามว่า รีเทนชั่น หรือ รีไฟแนนซ์ดีกว่ากัน ทาง Refinn คงต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของผู้กู้ว่าต้องการแบบไหนมากกว่า แต่หากพูดในความคุ้มค่าของส่วนลดดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่ลดลงในแต่ละเดือนนั้น ก็คงต้องเป็นการรีไฟแนนซ์บ้าน ถึงแม้จะต้องใช้เอกสารมาก และใช้เวลาที่นานกว่า แต่ผลท้ายที่สุดก็มีความคุ้มค่ามากกว่าการรีเทนชั่น

อ่านกันมาถึงตรงนี้แล้วเชื่อเลยว่าเพื่อนๆน่าจะตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำการรีไฟแนนซ์บ้านหรือการรีเทนชั่น แต่ถ้าหากใครสนใจอยากทำการรีไฟแนนซ์บ้าน แต่ไม่อยากไปธนาคาร ก็สามารถทำที่บ้านได้ง่าย ๆ โปรโมชั่นเดียวกัน หรือบางช่วงอาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะที่นี้เท่านั้น ก็แนะนำให้ลองเข้าไปใช้บริการที่ www.refinn.com นอกจากนี้ Refinn ยังให้บริการหาโปรโมชั่น รีไฟแนนซ์รถยนต์ และ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต อีกด้วย

หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อได้ที่ เพจ Facebook : Refinn หรือ Line id : @Refinn

เผยแพร่เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2566
Refinn Writer
ช่วยเปรียบเทียบโปรโมชั่นที่ประหยัดดอกเบี้ยที่สุด ฟรี ไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม